การเงิน

หุ้นไทยบวกรับการเมืองชัดเจนขึ้น ติดตามผลโหวตนายกฯ บ่ายนี้

22 ส.ค. 66
หุ้นไทยบวกรับการเมืองชัดเจนขึ้น ติดตามผลโหวตนายกฯ บ่ายนี้

วันนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญในการเมืองไทย เมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี กลับไทยในรอบ 17 ปี ภายหลังจากหนีคดีออกนอกประทศ ตั้งแต่ 11 ส.ค.2551  และการโหวตนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของไทย ที่พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เสนอชื่อ “ เศรษฐา ทวีสิน” เป็นนายกรัฐมนตรี

เช้าวันนี้ หุ้นไทยเปิดตลาดปรับบวกทันที 9.05 จุด ดัชนีหุ้นไทยอยู่ที่ 1,534.90 จุด เพิ่มขึ้น 0.59% และค่อนข้างผันผวน จาก Sentiment บวกตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัว และความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล และปิดตลาดหุ้นไทยครึ่งเช้า ที่ระดับ 1,540.85 จุด เพิ่มขึ้น 15 จุด เพิ่มขึ้น 0.98% โดยต้องจับตาผลโหวตนายกฯ บ่ายวันนี้ 

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) ระบุว่า SET Index วันนี้ฟื้นตัวต่อ หลังจากเมื่อวานนี้ ที่พรรคเพื่อไทยแถลงยืนยันเสียง 314 เสียง จาก 11 พรรค โดยคาดว่าตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยบวกเล็กน้อย ดังนี้

  1. ประเด็นการเมือเป็น Highlight ของวันนี้ ถือเป็นสีสันทางการเมือง คือ อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศไทย เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม 
  2. รัฐสภาฯ จะลงมติเลือกนายกฯ และมีกระแสข่าวล่าสุดว่า มีโอกาสสูงที่ ส.ว.ส่วนหนึ่งสนับสนุนเศรษฐา เป็นนายกฯ และมีโอกาสสูงที่จะได้รับเสียงสนับสนุนเกิน 375 เสียง
  3. ด้านต่างประเทศมีสินทรัพย์เสี่ยงยังถูกกดดันอยู่บ้าง หลังจากบอนด์ยิลด์ 10 ปีของสหรัฐฯ ปรับขึ้นค่อนข้างแรงใกล้ 4.4% และดันให้ mortgate rate ของสหรัฐฯ ปรับขึ้นแตะ 7.5% จะกดดันภาคอสังหาฯ ของสหรัฐฯ มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมปัจจัยการเมืองน่าจะช่วยผลักดันให้หุ้นที่เชื่อมโยงกับการบริโภค และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังจะออกมานั้น สามารถ outperform ตลาดหุ้นได้ในระยะนี้

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ประเมินว่า SET ยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,500-1,550 จุด โดยหากการโหวตนายกฯ วันนี้ ได้ข้อสรุปมีโอกาสที่ดัชนีจะปรับขึ้น ทดสอบกรอบบนที่ 1,550-1,560 และคาดจะเห็น Fund Flow เริ่มไหลกลับเข้ามาเก็งกำไรในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง

แต่อย่างไรก็ดี บรรยากาศการลงทัุนของตลาดหุ้นทั่วโลกในระยะสั้น คาดยังถูกกดดันจากปัจจัยเสี่ยง เรื่องการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีน รวมทั้ง จับตาถ้อยแถลงของประธานเฟดที่การประชุดแจ็กสันโฮล (24-26 ส.ค.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ เกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ทำให้คาด SET ยังมี Upside จำกัด กลยุทธ์การลงทุนนั้น แนะนำให้ “Selective Buy”  ดังนี้

  1. 8 หุ้นเด่น ใน 4 อุตสาหกรรมสำหรับโอกาสเก็งกำไรในครึ่งหลังปีนี้ ที่คาดว่ากำไรจะเติบโต ได้แก่ PTT BCP KCE HANA BDMS BCH AOT ERW
  2. หุ้นที่ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลจากกำไรในช่วงครึ่งแรกปีนี้ แนะนำ SPALI LH HTC AH
  3. สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงและต้องการเก็งกำไรหุ้น ที่คาดว่าจะได้อานิสงส์ Fund Flow ไหลกลับ แนะนำ KBANK GULF CRC HMPRO 

ขณะที่ระยะสั้น แนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุน สำหรับหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญ จากกำลังซื้อภาคเกษตรที่ลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG ที่มีต้นทุนน้ำตาลสูง) รวมถึง กลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF FPT)

ย่างไรก็ตาม การลงทุนมีความเสี่ยง อยากขอให้นักลงทุน ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจให้อย่างละเอียดรอบคอบ และติดตามข่าวสารอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาผลกำไรที่ควรจะได้รับกันไว้นะ

advertisement

SPOTLIGHT