วันนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญในการเมืองไทย เมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี กลับไทยในรอบ 17 ปี ภายหลังจากหนีคดีออกนอกประทศ ตั้งแต่ 11 ส.ค.2551 และการโหวตนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของไทย ที่พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เสนอชื่อ “ เศรษฐา ทวีสิน” เป็นนายกรัฐมนตรี
เช้าวันนี้ หุ้นไทยเปิดตลาดปรับบวกทันที 9.05 จุด ดัชนีหุ้นไทยอยู่ที่ 1,534.90 จุด เพิ่มขึ้น 0.59% และค่อนข้างผันผวน จาก Sentiment บวกตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัว และความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล และปิดตลาดหุ้นไทยครึ่งเช้า ที่ระดับ 1,540.85 จุด เพิ่มขึ้น 15 จุด เพิ่มขึ้น 0.98% โดยต้องจับตาผลโหวตนายกฯ บ่ายวันนี้
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) ระบุว่า SET Index วันนี้ฟื้นตัวต่อ หลังจากเมื่อวานนี้ ที่พรรคเพื่อไทยแถลงยืนยันเสียง 314 เสียง จาก 11 พรรค โดยคาดว่าตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยบวกเล็กน้อย ดังนี้
- ประเด็นการเมือเป็น Highlight ของวันนี้ ถือเป็นสีสันทางการเมือง คือ อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศไทย เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
- รัฐสภาฯ จะลงมติเลือกนายกฯ และมีกระแสข่าวล่าสุดว่า มีโอกาสสูงที่ ส.ว.ส่วนหนึ่งสนับสนุนเศรษฐา เป็นนายกฯ และมีโอกาสสูงที่จะได้รับเสียงสนับสนุนเกิน 375 เสียง
- ด้านต่างประเทศมีสินทรัพย์เสี่ยงยังถูกกดดันอยู่บ้าง หลังจากบอนด์ยิลด์ 10 ปีของสหรัฐฯ ปรับขึ้นค่อนข้างแรงใกล้ 4.4% และดันให้ mortgate rate ของสหรัฐฯ ปรับขึ้นแตะ 7.5% จะกดดันภาคอสังหาฯ ของสหรัฐฯ มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมปัจจัยการเมืองน่าจะช่วยผลักดันให้หุ้นที่เชื่อมโยงกับการบริโภค และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังจะออกมานั้น สามารถ outperform ตลาดหุ้นได้ในระยะนี้
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ประเมินว่า SET ยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,500-1,550 จุด โดยหากการโหวตนายกฯ วันนี้ ได้ข้อสรุปมีโอกาสที่ดัชนีจะปรับขึ้น ทดสอบกรอบบนที่ 1,550-1,560 และคาดจะเห็น Fund Flow เริ่มไหลกลับเข้ามาเก็งกำไรในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง
แต่อย่างไรก็ดี บรรยากาศการลงทัุนของตลาดหุ้นทั่วโลกในระยะสั้น คาดยังถูกกดดันจากปัจจัยเสี่ยง เรื่องการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีน รวมทั้ง จับตาถ้อยแถลงของประธานเฟดที่การประชุดแจ็กสันโฮล (24-26 ส.ค.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ เกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ทำให้คาด SET ยังมี Upside จำกัด กลยุทธ์การลงทุนนั้น แนะนำให้ “Selective Buy” ดังนี้
- 8 หุ้นเด่น ใน 4 อุตสาหกรรมสำหรับโอกาสเก็งกำไรในครึ่งหลังปีนี้ ที่คาดว่ากำไรจะเติบโต ได้แก่ PTT BCP KCE HANA BDMS BCH AOT ERW
- หุ้นที่ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลจากกำไรในช่วงครึ่งแรกปีนี้ แนะนำ SPALI LH HTC AH
- สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงและต้องการเก็งกำไรหุ้น ที่คาดว่าจะได้อานิสงส์ Fund Flow ไหลกลับ แนะนำ KBANK GULF CRC HMPRO
ขณะที่ระยะสั้น แนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุน สำหรับหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญ จากกำลังซื้อภาคเกษตรที่ลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG ที่มีต้นทุนน้ำตาลสูง) รวมถึง กลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF FPT)