ราคาทองคำในตลาดโลกพุ่งแตะระดับสูงสุดตลอดกาลอีกครั้งที่ 2,234 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ นับตั้งแต่ต้นปี ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 8% อะไรเป็นปัจจัยหนุน ? กลยุทธ์ลงทุนอย่างไร เราไปหาคำตอบกัน
ทองคำยังขึ้นได้อีก แนะกลยุทธ์ ซื้อ-ขาย ควบคู่ ลุ้นกำไรระยะยาว
สมาคมค้าทองคำรายงาน ราคาทองในประเทศวันนี้ 29 มีนาคม 2567 มีการปรับราคาทั้งสิ้น 2 ครั้ง ขึ้นรวม 600 บาทต่อบาททองคำ นับเป็นราคาทองในประเทศที่ขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง และใกล้แตะ 40,000 บาทต่อบาททองตำเต็มที
- ราคาทองคำแท่ง รับซื้ออยู่ที่ 38,450 บาทต่อบาททองคำ ขายออกที่ 38,550 บาทต่อบาททองคำ
- ราคาทองรูปพรรณ รับซื้ออยู่ที่ 37,763.56 บาทต่อบาททองคำ ขายออกที่ 39,050 บาทต่อบาททองคำ
ด้านมุมมองจาก YLG ประเมินว่า ราคาทองคำในตลาดโลก ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดตลอดกาลอีกครั้งที่ระดับ 2,234 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2567 ส่งผลให้นับจากต้นปี หรือในไตรมาสที่ 1/2567 ราคาทองคำปรับขึ้นมาแล้วกว่า 8% นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) อธิบายว่า การปรับตัวขึ้นมาของทองคำในตลาดโลกในภาพใหญ่ เกิดขึ้นจากปัจจัยพื้นฐานนับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 และต่อเนื่องมาจากปัจจัยหนุนด้านภูมิรัฐศาสตร์หลายพื้นที่ เช่น ในตะวันออกกลาง จากอิสราเอล-ฮามาส และทะเลแดง รวมไปถึง รัสเซีย-ยูเครน
นอกจากนี้ ทางการจีนตั้งเป้าเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม 7.2% สู่ระดับ 1.67 ล้านล้านหยวนในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นด้วยอัตราสูงสุดในรอบ 5 ปี สถานการณ์เหล่านี้ ส่งเสริมให้นักลงทุนเข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น เมื่อทองคำย่อตัวลง จึงเป็นแรงซื้อทองคำที่เข้ามาคอยช่วยให้ราคายกระดับต่ำสุดขึ้น อย่างไรก็ดี วายแอลจี แนะนำให้นักลงทุนที่มีกำไร ควรขายทำกำไรบางส่วน เนื่องจากโดยปกติแล้ว เมื่อราคาทองคำปรับขึ้นรอบใหญ่ มักจะมีแรงขายทำกำไรออกมาสลับเสมอ ส่งผลให้ราคาทองคำในระยะสั้นอาจปรับตัวลดลง แต่ในภาพระยะยาว 2-3 ปี เทรนด์ราคาทองคำยังแข็งแกร่ง ตามแนวโน้มเฟดเข้าสู่วงจรดอกเบี้ยขาลง
แนวรับ ของราคาทองคำในระยะสั้นอยู่ที่ 2,144-2,075 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแนวต้าน อยู่ที่ 2,266-2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับราคาทองคำในประเทศ แนวรับอยู่ที่ 36,600-35,500 บาทต่อบาททองคำ และแนวต้านอยู่ที่ 38,750-39,300 บาทต่อบาททองคำ ในปีนี้ การเทรดทองคำผ่านฟิวเจอร์สมาแรงมากขึ้น วายแอลจีจึงเพิ่มช่องทางลงทุนผ่าน Tradingview เพิ่มการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึก ช่วยให้นักลงทุนสามารถติดตามสถานการณ์และตัดสินใจลงทุนได้ทันท่วงที
ทิศทางทองคำในปี 2567 และกลยุทธ์การลงทุน
ปี 2567 ทองคำ ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ดึงดูดนักลงทุนในปี 2567 แม้จะมีปัจจัยทั้งบวกและลบที่ส่งผลต่อราคา ในระยะสั้น ทองคำมีความเสี่ยงอยู่บ้าง ราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นมาต่อเนื่อง อาจเกิดแรงขายทำกำไร ประกอบกับทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐและอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว ทองคำยังมีแนวโน้มขาขึ้น สาเหตุหลักมาจาก นโยบายการเงินที่ คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2567 และคงนโยบายดอกเบี้ยต่ำไปอีก 2-3 ปี สิ่งนี้หนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้น และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ สงครามการค้า ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ล้วนเป็นปัจจัยหนุนให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย สำหรัยกลยุทธ์การลงทุนที่แนะนำคือ
- กระจายความเสี่ยง: ไม่ควรลงทุนในทองคำเพียงอย่างเดียว ควรกระจายเงินลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ ด้วย
- ลงทุนระยะยาว: ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่เหมาะกับการลงทุนระยะยาว ควรอดทนต่อความผันผวนของราคาในระยะสั้น
- ติดตามข่าวสาร: ผู้ลงทุนควรติดตามข่าวสารเศรษฐกิจ นโยบายการเงิน และสถานการณ์โลก เพื่อวิเคราะห์ทิศทางราคาทองคำ
กลยุทธ์การลงทุนทองคำ แบ่งขายทำกำไรในระยะสั้น มองระยะยาวขาขึ้น
อย่างไรก็ดีวายแอลจีแนะนำว่าหากนักลงทุนที่มีทองคำอยู่ในมือและมีกำไรในช่วงนี้ควรแบ่งขายทำกำไร เนื่องจากปกติหากทองคำปรับขึ้นรอบใหญ่จะต้องมีการขายทำกำไรออกมาทุกครั้ง ดังนั้นในระยะสั้นราคาทองคำอาจจะปรับตัวลดลงมาก่อน แต่ระยะยาวยังคงรักษาทิศทางขาขึ้นไว้ได้ โดยแบ่งได้ดังนี้
ในระยะสั้น ราคาทองคำอาจ ปรับตัวลดลง
- แนวรับ: 2,144-2,075 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
- แนวต้าน: 2,266-2,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
ส่วนราคาทองคำในประเทศมองที่
- แนวรับ: 36,600-35,500 บาทต่อบาททองคำ
- แนวต้าน: 38,750-39,300 บาทต่อบาททองคำ (คำนวณด้วย ค่าเงินบาท 36.02 บาทต่อดอลลาร์ *อัตราถัวเฉลี่ยย้อนหลัง 4 สัปดาห์*)
อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว ทองคำยังคงมี แนวโน้มขาขึ้น สนับสนุนโดย นโยบายการเงินคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ปัจจุบันนักลงทุนนิยมลงทุนทองคำในรูปแบบการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดล่วงหน้า (ฟิวเจอร์ส) โดยมี ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เติบโตอย่างรวดเร็วเนื่องจากตลาดฟิวเจอร์สเป็นการเข้าถึงการเทรดในตลาดระดับโลก เช่นการซื้อขายผ่าน Tradingview ด้วยบัญชี YLG Futures ที่นักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนฟิวเจอร์สในตลาด CME Group ตลาดฟิวเจอร์สอันดับหนึ่งของโลกจากสหรัฐฯ ที่มีสินค้าที่สำคัญต่อเศรษฐกิจโลกครอบคลุม ทองคำ น้ำมันดิบ ดัชนีหุ้นสหรัฐ สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง อีกทั้ง สามารถเทรดได้ตลอด 24 ชม. ไม่เว้นวันหยุดของประเทศไทย ซึ่งจุดเด่นของการลงทุนทองคำในฟิวเจอร์สคือสามารถลงทุนได้ทั้งในช่วงตลาดขาขึ้นและขาลง