ไลฟ์สไตล์

JobsDB เผยปี 67 งานดิจิทัล-สื่อมาแรง แนะธุรกิจดึงตัวด้วยค่าแรง สมดุลงานและชีวิต

20 ธ.ค. 66
JobsDB เผยปี 67 งานดิจิทัล-สื่อมาแรง แนะธุรกิจดึงตัวด้วยค่าแรง สมดุลงานและชีวิต

JobsDB by SEEK เผยผลสำรวจ Global Talent Survey ปี 2567 พบงานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ สื่อ ศิลปะ และการออกแบบ ขึ้นแท่นงานมาแรงที่ธุรกิจจะแย่งตัวกันในปีหน้า แนะธุรกิจดึงตัวผู้สมัครด้วยค่าตอบแทน และสมดุลการใช้ชีวิตและการทำงานซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกงานของแรงงานยุคปัจจุบัน

ในปี 2567 ตลาดแรงงานทั่วโลกร้อนระอุอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในประเทศไทย เพราะนอกจากบริษัทและธุรกิจต่างๆ จะต้องเตรียมรับมือนโยบายรัฐขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแล้ว ยังเสี่ยงสูญเสียบุคลากรในองค์กร เพราะได้รับข้อเสนอที่ดีกว่าจากคู่แข่ง 

เพื่อค้นหาเทรนด์การจ้างงานและการสรรหาที่เปลี่ยนไป รวมไปถึงความต้องการของผู้สมัครงานในปัจจุบัน และช่วยให้ผู้ประกอบการเชื่อมต่อกับผู้สมัครงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น JobsDB by SEEK ได้เผยผลสำรวจจาก Global Talent Survey ซึ่งเป็นการสำรวจผ่านเว็บไซต์และการวิเคราะห์ จากผู้ร่วมตอบแบบสอบถามทั้งหมด 90,547 คน จาก 160 ประเทศ ในหลากหลายอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ยังมีการทำแบบสำรวจจำเพาะเพื่อโฟกัสตลาดแรงงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีผู้ร่วมตอบแบบสำรวจ จำนวน 97,324 คน จาก 6 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย โดยที่ประเทศไทย มีจำนวนผู้ร่วมตอบแบบสำรวจชุดนี้ ทั้งหมด 2,636 คน

istock-1187179171

5 สายงานสุดปัง ที่ตลาดแรงงานไทยต้องการสูง

จากผลสำรวจชุดนี้ JobsDB by SEEK พบว่าแนวโน้มตลาดแรงงานในปัจจุบันทั้งในประเทศไทย ระดับเอเชีย หรือระดับโลก เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ ผู้หางานรู้ตัวว่ากำลังเป็นที่ต้องการมีอำนาจการต่อรองในด้านบวก โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ฟื้นตัวหลังจากสถานการณ์โควิด 19 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ทำให้เริ่มเกิดการแข่งขันสูงในตลาดแรงงาน 

แม้จะมีเด็กจบใหม่จำนวนมาก แต่องค์กรหรือผู้ประกอบการยังมองหาผู้ที่มีประสบการณ์ในสายงานมากกว่า ทำให้ผู้สมัครเกิดความรู้สึกมั่นใจในอำนาจการต่อรอง แม้ผู้ตอบแบบสำรวจชาวไทยจะมีค่าเฉลี่ยของความถี่ในการได้รับข้อเสนองานน้อยกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก แต่โดยรวมยังนับเป็นข้อเสนอในความถี่ระดับปกติ 

โดยจากการสำรวจ ตำแหน่งงานที่ได้รับข้อเสนองานทุกสัปดาห์สูงสุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย 

อันดับ 1 : ดิจิทัล การจัดการ และวิเคราะห์ข้อมูล และ AI 37%

อันดับ 2 : สื่อ ศิลปะ และการออกแบบ 36%

อันดับ 3 : การบริการและการต้อนรับ 34%

อันดับ 4 : บริการทางการเงิน 30%

อันดับ 5 : บริการด้านสุขภาพและสังคม 30%

5 สายงานนี้เป็นอาชีพที่มาแรงและเป็นที่ต้องการของตลาด เนื่องจากประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ ทุกธุรกิจต้องการบุคลากรที่เข้าใจงาน และพร้อมเปลี่ยนแปลง โดยจะเห็นว่าทั้ง 5 สายงานมีจุดเชื่อมโยงกัน คือ ทักษะด้านการวางแผน การดำเนินการ และการสื่อสาร เกี่ยวข้องกับปัจจัยสำคัญในชีวิตด้านการเงิน สุขภาพ และสังคม คาดว่าในปี 2567 จะพบธุรกิจใหม่ๆ เหล่านี้ในรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น
istock-1451309426

3 แรงจูงใจระยะยาว มัดใจผู้สมัคร

ผลสำรวจชุดนี้ นอกจากเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการหรือองค์กรที่มีความต้องการบุคลากรที่มีความต้องการสูงในตลาดแรงงานแล้ว ยังพบนัยยะสำคัญถึงความต้องการที่แท้จริงของผู้สมัคร ผู้ประกอบการจึงสามารถนำจุดนี้ไปพัฒนากระบวนการสรรหา หรือรักษาบุคลากรในองค์กรให้คงอยู่ ด้วยแรงจูงใจระยะยาว 

จากแบบสำรวจของไทย ปัจจัย 3 อันดับแรกที่จะจูงใจให้บุคลากรเลือกทำงานกับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง ได้แก่

อันดับ 1 : งานที่มั่นคงและมีสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน 77%

อันดับ 2 : ทำงานในบริษัทที่ดี และเติบโตสู่ตำแหน่งงานที่สูงขึ้น 55%

อันดับ 3 : ต้องการมีธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเป็นของตน 32%

จากการสำรวจ 77% ของผู้ตอบแบบสำรวจชาวไทยต้องการงานที่มั่นคงและมีสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานที่ดีเช่นเดียวกับค่าเฉลี่ยทั่วโลก รองลงมาคือการเติบโตไปสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น และความต้องการมีธุรกิจส่วนตัว 

ดังนั้น ปัจจัยหลักที่จะทำให้บุคลากรปฏิเสธงานทันที คือ ค่าตอบแทนและความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานที่ไม่สมเหตุสมผล ที่อาจเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจรับข้อเสนองานเช่นเดียวกัน ขณะที่คุณค่าของการได้ร่วมงานกับองค์กรที่มีชื่อชื่อเสียง หรือความหมายของงานเป็นข้อพิจารณาที่ผู้สมัครให้ความสำคัญน้อยกว่าเล็กน้อย

ดังนั้น หากผู้ประกอบการกำลังมองหาวิธีดึงดูดผู้สมัครที่ตรงกับความต้องการ 3 สิ่งที่ต้องมีคือ ข้อเสนอที่ดี เงินเดือนและสิทธิประโยชน์ที่ดีกว่าบริษัทเดิม ตำแหน่งงานที่สูงกว่า และทำให้ผู้สมัครงานเห็นว่า โอกาสก้าวหน้าในที่ทำงานดีกว่าเดิม ซึ่ง 3 ข้อนี้ สามารถดึงดูดใจ เพิ่มความน่าสนใจแก่ผู้สมัครงานได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีคุณสมบัติตามที่ผู้ประกอบการมองหา แม้ว่าเขาจะไม่ได้กำลังมองหางานใหม่ก็ตาม 

 istock-1488493704

ธุรกิจต้องเร่งปรับตัว คนไทยชอบ hybrid working

ในส่วนของรูปแบบการทำงานที่ผู้ประกอบการไทยอาจต้องปรับตัว คือ ระบบทำงานเต็มเวลาที่สำนักงาน เพราะปัจจุบันจากผลสำรวจพบว่า บุคลากรมีการคำนึงถึงเวลาทำงาน และต้องการทำงานแบบ hybrid working มากขึ้น

จากการสำรวจ ผู้ตอบแบบสำรวจชาวไทยลังเลที่จะกลับไปทำงานเต็มเวลาที่สำนักงาน มีเพียง 22% เท่านั้นที่ต้องการกลับไปทำงานที่สำนักงาน ซึ่งต่างจาก 35% ของผู้ตอบแบบสำรวจทั่วโลกที่พร้อมทำงานเต็มเวลาที่สำนักงานมากกว่าทำงานที่บ้าน ในขณะที่เวลาทำงานที่ต้องการ คนไทย 69% ยังคงต้องการทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์ และ 21% ต้องการทำงานแบบพาร์ทไทม์

ทั้งนี้ นอกจากข้อเสนอที่ดีแล้ว ประสบการณ์ที่ดีในระหว่างกระบวนการสมัครงานและการคัดเลือกเข้าทำงาน วิธีการและช่องทางที่ผู้สมัครให้ความสนใจก็มีอิทธิพลในการตัดสินใจ หากผู้ประกอบการหรือองค์กรละเลยจุดนี้ ก็อาจเป็นข้อผิดพลาดได้ 

การพัฒนากระบวนการสรรหาที่ตรงกับความต้องการของแรงงานในปัจจุบัน สามารถเพิ่มความโดดเด่นให้กับองค์กรได้ เพราะ 59% ของผู้ตอบแบบสำรวจพึงพอใจมาก หากขั้นตอนการสรรหาราบรื่น มีระยะเวลาที่เหมาะสม และ 35% ของผู้ตอบแบบสำรวจเห็นว่า ประสบการณ์เชิงลบระหว่างการสมัครงาน เป็นเหตุผลสำคัญที่ปฏิเสธงาน แม้ข้อเสนอจะน่าสนใจ

 istock-826763592

 

 

advertisement

SPOTLIGHT