การเงิน

หุ้นจีนปิดตลาดบวก 1.93% หลังกองทุนแห่งชาติจีนทุ่มเงิน 2.3 พันล้านบาท ซื้อหุ้น 4 แบงก์ใหญ่

12 ต.ค. 66
หุ้นจีนปิดตลาดบวก 1.93% หลังกองทุนแห่งชาติจีนทุ่มเงิน 2.3 พันล้านบาท ซื้อหุ้น 4 แบงก์ใหญ่

วันนี้ (12 ต.ค.) ดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงปิดตลาดในแดนเขียวที่ 18,238.21 จุด เพิ่มขึ้น 345.11 จุด หรือ 1.93% วันนี้ หลัง Central Huijin Investment บริษัทลงทุนภายใต้การดูแลของกองทุนความมั่งคั่งแห่งรัฐของจีน (China's Sovereign Wealth Funds) เข้าซื้อหุ้นของ 4 ธนาคารใหญ่ของจีน มูลค่ารวมถึง 476 ล้านหยวน หรือราว 2.3 พันล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดหุ้นที่ซบเซาลงอย่างมากในปีนี้

การเข้าซื้อหุ้นธนาคารเพื่อกระตุ้นราคาหุ้นในครั้งนี้เป็นการเคลื่อนไหวครั้งแรกของกองทุนความมั่งคั่งแห่งรัฐของจีนตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งเคยได้เข้าซื้อหุ้นเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุนและกระตุ้นเศรษฐกิจมาสองครั้งแล้วในปี 2008 และ 2015 หลังเกิดวิกฤตการเงิน

ในครั้งนี้ กองทุนความมั่งคั่งของจีนได้เข้าซื้อหุ้นของ “Big 4” หรือ 4 ธนาคารพาณิชย์ใหญ่ที่รัฐบาลจีนเป็นเจ้าของและมีความสำคัญมากต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของจีน ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์อุตสาหกรรมแห่งประเทศจีน (Industrial & Commercial Bank of China หรือ ICBC), ธนาคารแห่งประเทศจีน (ฺBank of China), ธนาคารการก่อสร้างจีน (China Construction Bank)  และ ธนาคารการเกษตรแห่งจีน (Agricultural Bank of China) รวมไปถึงธนาคารอื่นๆ อีก 2 แห่ง คือ Zhejiang Shaoxing Ruifeng Rural Commercial Bank และ Chongqing Rural Commercial Bank

โดยหลังจากมีการรายงานข่าวการเข้าซื้อหุ้นในครั้งนี้ ราคาหุ้นของทั้ง 6 ธนาคาร และดัชนีหุ้นรวมของจีนก็เพิ่มขึ้นทันที ทั้ง CSI 300 Index ที่เพิ่มขึ้น 1% นำโดยกลุ่มหุ้นการเงิน ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.93%

เมื่อเห็นผลลัพธ์เช่นนี้ การตัดสินใจใช้ยาแรงเข้าแทรกแซงตลาดหุ้นในรอบ 8 ปีของรัฐบาลจีนในครั้งนี้จึงนับว่าได้ผล อย่างน้อยก็ในระยะสั้นๆ เพราะก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นของจีนซบเซาหนักจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังคงไม่ฟื้นตัวหลังจากเปิดประเทศ ภาวะเงินฝืด ปัญหาสภาพคล่องในตลาดอสังหาริมทรัพย์ รวมถึง ความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐฯ ที่กระทบการส่งออกและการผลิตในหลายภาคส่วน จนทำให้ไม่ว่าจะออกมาตรการอะไรออกมา เช่น การระงับไม่ให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ขายหุ้น หรือการลดภาษีซื้อขายหุ้น ก็ไม่เคยได้ผล

 

นักวิเคราะห์มองไม่ยั่งยืน ต้องเน้นแก้ที่ต้นตอ

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะเป็นมาตรการที่ทำให้เห็นผลทันทีในตอนนี้ นักวิเคราะห์หลายสำนักก็มองว่าวิธีการนี้อาจเป็นวิธีที่ไม่มีประสิทธิภาพและให้ผลไม่ยั่งยืนนัก เพราะปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจจีนยังไม่ฟื้นตัวในขณะนี้มาจากปัญหาทางโครงสร้าง ไม่ว่าจะเป็นภาคอสังหาฯ ที่ยังเจ็บหนักเพราะขาดสภาพคล่อง การส่งออกที่ลดลง และกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ต่ำ ซึ่งแก้ไม่ได้ด้วยการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มความเชื่อมั่นเพียงอย่างเดียว

นักวิเคราะห์ของ Nomura บริษัทที่ปรึกษาการเงิน มองว่า มาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลจีนควรทำในตอนนี้ คือ การกระตุ้นการใช้จ่ายและอุปสงค์ในประเทศ การจัดการให้เงินทุนไหลไปยังอุตสาหกรรมหรือภาคส่วนที่เหมาะสม และการเพิ่มความเชื่อมั่นของภาคเอกชนและนักลงทุนต่างประเทศเพื่อเพิ่มการลงทุน

มุมมองนี้สอดคล้องกับความเห็นของนักวิเคราะห์จากอีก 2 บริษัทการเงิน คือ Standard Chartered และ Morgan Stanley ที่มองว่ามาตรการนี้คงไม่สามารถเป็นจุดเปลี่ยนให้ตลาดหุ้นของจีนกลับขึ้นมาอยู่ใน uptrend ได้ เพราะต้นตอของปัญหาไม่ได้อยู่ที่การขาดความเชื่อมั่นของนักลงทุนเพียงอย่างเดียว

โดย Laura Wang นักวิเคราะห์ของ Morgan Stanley มองว่า การแทรกแซงตลาดหุ้นของรัฐบาลจีนจะไม่สามารถสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดหุ้นของจีนได้ แต่ต้องอาศัยการออกมาตรการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง และการลดความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่จะช่วยให้เศรษฐกิจของจีนเติบโตได้อย่างยั่งยืน

ดังนั้น ถึงแม้จะเห็น sentiment ในตลาดจีนดีขึ้นมาในระยะสั้น ปรากฎการณ์นี้จึงไม่ได้รับประกันว่าต่อจากนี้ตลาดหุ้นจีนจะกำลังอยู่ในขาขึ้น และทำให้นักลงทุนต้องจับตามองต่อไปว่าในอนาคตรัฐบาลจีนจะออกมาตรการอะไรออกมาอีกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ




ที่มา: Bloomberg, Investing, CNBC

 

 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT