ข่าวเศรษฐกิจ

ออมสินจับมือ BAM ตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์อารีย์ แก้หนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน

29 พ.ค. 67
ออมสินจับมือ BAM ตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์อารีย์ แก้หนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน

วิกฤตหนี้ครัวเรือนที่ทวีความรุนแรงขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ได้กลายเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องเร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วน ธนาคารออมสินและบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหานี้ จึงได้จับมือกันจัดตั้ง "บริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด" (ARI-AMC) เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขปัญหาหนี้เสีย สร้างโอกาสทางการเงินให้กับประชาชน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ออมสินจับมือ BAM ตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์อารีย์ แก้หนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน

ออมสินจับมือ BAM ตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์อารีย์ แก้หนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน

ธนาคารออมสิน และ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญในการจัดตั้งบริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด หรือ ARI-AMC ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้เสียทั้งระบบของประเทศ และให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้รายย่อย, SMEs และผู้ถือบัตรเครดิต ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ พิธีลงนามความร่วมมือจัดขึ้น ณ ธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้เกียรติร่วมเป็นประธานและสักขีพยาน

ออมสินจับมือ BAM ตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์อารีย์ แก้หนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และนายบัณฑิต อนันตมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมลงนามในสัญญาร่วมทุน โดยมีนายธีรัชย์ อัตนวานิช ประธานกรรมการธนาคารออมสิน และนางทองอุไร ลิ้มปิติ ประธานกรรมการ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นพยาน ARI-AMC มีแผนที่จะเริ่มรับซื้อและบริหารจัดการหนี้เสียจากธนาคารออมสินในไตรมาส 3 ของปี 2567 โดยคาดว่าจะสามารถช่วยเหลือลูกหนี้ได้มากกว่า 500,000 ราย ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการแก้ไขปัญหาหนี้เสียของประเทศ และเป็นการผนึกกำลังของสององค์กรชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการสินทรัพย์ เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับประชาชนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

การจัดตั้ง "บริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด" เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน

ออมสินจับมือ BAM ตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์อารีย์ แก้หนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เรื้อรังในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังวิกฤตโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการรายย่อย SMEs และประชาชนจำนวนมาก ทำให้เกิดหนี้เสีย (NPLs) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่มุ่งแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบ ธนาคารออมสินจึงได้ร่วมมือกับบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM จัดตั้ง "บริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด" หรือ ARI-AMC ขึ้น ARI-AMC เป็นบริษัทร่วมทุนที่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสังคม โดยมุ่งเน้นการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ประสบปัญหาหนี้เสีย ทั้ง NPLs และ NPA ให้สามารถปรับโครงสร้างหนี้ หรือไกล่เกลี่ยหนี้ได้สำเร็จ เพื่อให้หลุดพ้นจากการเป็นผู้เสียประวัติทางเครดิต และกลับมามีสถานะทางการเงินที่ดีขึ้น

บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินและ BAM ถือหุ้นในสัดส่วนเท่ากัน (50%) และมีระยะเวลาดำเนินการไม่เกิน 15 ปี ในระยะแรก ARI-AMC จะรับซื้อหนี้สินเชื่อรายย่อย SMEs และหนี้บัตรเครดิต จากธนาคารออมสินก่อน โดยเน้นกลุ่มลูกหนี้ที่มีสถานะ NPLs, หนี้สูญ และ NPA ที่มียอดหนี้ไม่เกิน 20 ล้านบาท การดำเนินงานของ ARI-AMC จะยึดหลักการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างเป็นธรรม โดยคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้แต่ละราย และเสนอทางเลือกในการปรับโครงสร้างหนี้ที่ยืดหยุ่นและหลากหลาย เช่น การปรับลดเงินต้น ลดดอกเบี้ย หรือตัดหนี้บางส่วน

คาดว่า ARI-AMC จะเริ่มรับซื้อหนี้จากธนาคารออมสินได้ในไตรมาส 3 ของปี 2567 และจะสามารถช่วยเหลือลูกหนี้ได้กว่า 500,000 ราย คิดเป็นมูลหนี้เงินต้นกว่า 45,000 ล้านบาท ในอนาคตบริษัทฯ มีแผนที่จะขยายการดำเนินงานไปยังการรับซื้อหนี้ประเภทอื่นๆ รวมถึงหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจอื่นๆ ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง

BAM จับมือออมสิน ตั้งบริษัทร่วมทุนแก้หนี้ครัวเรือน

ออมสินจับมือ BAM ตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์อารีย์ แก้หนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน

นายบัณฑิต อนันตมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จํากัด (มหาชน) หรือ BAM กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา BAM ดำรงบทบาทหลักในการแก้ไขปัญหาหนี้ด้อยคุณภาพในระบบสถาบันการเงิน และบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย จนสามารถแก้ไขปัญหาหนี้ให้ได้ข้อยุติมากกว่า 155,000 ราย คิดเป็นภาระหนี้กว่า 480,000 ล้านบาท และจำหน่ายทรัพย์สินรอการขายไปกว่า 52,000 รายการ คิดเป็นราคาประเมินกว่า 122,000 ล้านบาท

จากประสบการณ์ในการรับซื้อรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพมาบริหารจัดการ BAM ตระหนักดีว่ายังมีแนวทางอื่นๆ ที่สามารถนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหา NPLs และ NPA ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นที่มาของความร่วมมือในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างธนาคารออมสิน และ BAM ในวันนี้ โดยบริษัทร่วมทุนนี้จัดตั้งขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ภาคประชาชนที่กลายเป็นหนี้เสีย ซึ่งได้รับผลกระทบมาจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา BAM จะให้การสนับสนุนบริษัทร่วมทุนโดยให้บริการเกี่ยวกับการรับบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ที่บริษัทร่วมทุนจะรับซื้อ หรือรับโอนจากธนาคารออมสิน ตลอดจนการให้บริการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทร่วมทุน

BAM และธนาคารออมสิน มีเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ในการสานต่อนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่จะช่วยแก้ไขปัญหาหนี้เสียในระบบสถาบันการเงิน โดยจะร่วมกันวางแผนบริหารกิจการร่วมทุน วางแนวทางในการดำเนินธุรกิจในรูปแบบต่างๆ อย่างดีที่สุด มุ่งมั่นช่วยเหลือลูกหนี้ที่สุจริตให้ผ่านพ้นปัญหาหนี้สินไปได้อย่างราบรื่น ซึ่งจะส่งผลให้หนี้เสียได้รับการแก้ไข ให้กลายเป็นหนี้ดีกลับคืนสู่ระบบเศรษฐกิจปกติ และทำให้ BAM ดำรงบทบาทหลักในการพลิกฟื้นสินทรัพย์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยได้อย่างยั่งยืนตามวิสัยทัศน์ขององค์กร

นายบัณฑิต กล่าวเพิ่มเติมว่า BAM เชื่อมั่นว่าด้วยประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของบุคลากร ตลอดจนระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ การให้บริการลูกค้าในทุกช่องทางอย่างครบวงจร และการมีเครือข่ายสาขาทั่วประเทศ จะช่วยให้ความร่วมมือในการผลักดันการดำเนินงานของบริษัทร่วมทุนลุล่วงไปได้ด้วยดี อีกทั้งทำให้ บริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด ที่ก่อตั้งขึ้น สามารถตอบโจทย์การเป็นธุรกิจเพื่อสังคม โดยที่ยังสามารถบริหารจัดการให้ได้รับผลตอบแทนที่ดี ช่วยแก้ไขหนี้ภาคครัวเรือน รวมถึงสามารถจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่ให้รองรับการดำเนินงานตามพันธกิจและนโยบายของภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุปภาพรวม บริษัทบริหารสินทรัพย์อารีย์ หวังแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน

  • ที่มาและความจำเป็นของโครงการ เพราะปัญหาหนี้ครัวเรือนเป็นปัญหาสำคัญที่มีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจไทย รัฐบาลจึงได้ริเริ่มมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบ โดยมีแนวทางสำคัญคือการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างสถาบันการเงินเฉพาะกิจและบริษัทบริหารสินทรัพย์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน
  • แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้เสียคงค้าง มาตรการนี้เปิดโอกาสให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) ร่วมลงทุนกับบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ในการจัดตั้งกิจการร่วมทุน (JV AMC) และโอนถ่ายหนี้เสียบางส่วนไปยังกิจการร่วมทุนดังกล่าว เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและประสิทธิภาพในการบริหารจัดการหนี้เสีย โดยมีกำหนดให้จดทะเบียนจัดตั้ง JV AMC ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 และมีระยะเวลาดำเนินการไม่เกิน 15 ปี

รายละเอียดโครงการบริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด บริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด เป็นกิจการร่วมทุนที่จัดตั้งขึ้นภายใต้มาตรการนี้ โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและ SMEs ที่มีวงเงินสินเชื่อรวมไม่เกิน 20 ล้านบาท โดยในระยะแรกจะเน้นการรับซื้อหนี้จากธนาคารออมสิน และจะขยายไปยังสถาบันการเงินเฉพาะกิจอื่นๆ ในอนาคต บริษัทฯ มุ่งเน้นการปรับโครงสร้างหนี้เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ให้สามารถบริหารจัดการภาระหนี้สินได้อย่างยั่งยืน

แผนการดำเนินงาน

  • ปลายเดือนพฤษภาคม 2567: จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด
  • กลางเดือนมิถุนายน 2567: ยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจกับธนาคารแห่งประเทศไทย
  • ปลายเดือนกรกฎาคม 2567: เริ่มรับซื้อลูกหนี้จากธนาคารออมสิน
  • ปี 2568: ขยายการรับซื้อลูกหนี้ไปยังสถาบันการเงินเฉพาะกิจอื่นๆ

คนไทยที่เป็นหนี้จะได้รับประโยชน์อะไรจาก บริษัทบริหารสินทรัพย์อารีย์ 

การจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์อารีย์ (ARI-AMC) โดยธนาคารออมสินและ BAM ถือเป็นความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่มีนัยสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับลูกหนี้รายย่อย ผู้ประกอบการ SMEs และผู้ถือบัตรเครดิตที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ บริษัทฯ มุ่งเน้นการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ที่ยืดหยุ่นและเหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงินของแต่ละราย ซึ่งจะช่วยลดภาระหนี้สิน เพิ่มโอกาสในการปลดหนี้ และฟื้นฟูสถานะทางการเงินให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง

ลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างหนี้กับ ARI-AMC จะได้รับประโยชน์หลายประการ อาทิ การปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขยายระยะเวลาชำระหนี้ หรือแม้กระทั่งการลดเงินต้น ซึ่งจะช่วยให้ลูกหนี้สามารถบริหารจัดการกระแสเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ การปรับโครงสร้างหนี้ที่ประสบความสำเร็จยังส่งผลให้ลูกหนี้สามารถหลุดพ้นจากสถานะ "เสียประวัติ" ทางเครดิต และกลับมามีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้อีกครั้ง

ARI-AMC ดำเนินงานภายใต้หลักการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างเป็นธรรม โดยคำนึงถึงศักยภาพในการชำระหนี้ของลูกหนี้แต่ละรายเป็นสำคัญ และไม่มีการบังคับหรือกดดันลูกหนี้แต่อย่างใด นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีบริการให้คำปรึกษาทางการเงิน เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการบริหารจัดการการเงินส่วนบุคคล และป้องกันการเกิดปัญหาหนี้สินซ้ำในอนาคต

การดำเนินงานของ ARI-AMC ไม่เพียงแต่ช่วยเหลือลูกหนี้รายบุคคลเท่านั้น แต่ยังมีส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหาหนี้เสียในระบบสถาบันการเงิน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ การที่ลูกหนี้สามารถกลับมามีสถานะทางการเงินที่มั่นคงได้ จะส่งผลให้มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมให้เติบโตอย่างยั่งยืน

โครงการนี้ถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ในการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นระบบและยั่งยืน โดยมุ่งหวังที่จะช่วยเหลือลูกหนี้ให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตทางการเงินและกลับมามีสถานะทางการเงินที่มั่นคงได้อีกครั้ง

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT