ข่าวเศรษฐกิจ

BAM 25 ปี พลิกฟื้นวิกฤตหนี้เสียกว่า 4.8 แสนล้าน สร้างโอกาสใหม่ให้เศรษฐกิจไทย

24 พ.ค. 67
BAM 25 ปี พลิกฟื้นวิกฤตหนี้เสียกว่า 4.8 แสนล้าน สร้างโอกาสใหม่ให้เศรษฐกิจไทย

BAM ฉลองครบรอบ 25 ปี ไม่หยุดยั้งในการพัฒนาองค์กรเพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดสินทรัพย์ ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่การเป็น "Digital Enterprise" เต็มรูปแบบ โดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในทุกกระบวนการทำงาน ตั้งแต่การบริหารจัดการหนี้เสีย การประเมินราคาทรัพย์สิน ไปจนถึงการให้บริการลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า

BAM 25 ปี พลิกฟื้นวิกฤตหนี้เสียกว่า 4.8 แสนล้าน สร้างโอกาสใหม่ให้เศรษฐกิจไทย

BAM 25 ปี พลิกฟื้นวิกฤตหนี้เสียกว่า 4.8 แสนล้าน สร้างโอกาสใหม่ให้เศรษฐกิจไทย

ก้าวผ่านกาลเวลากว่าสองทศวรรษ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM ยืนหยัดในฐานะผู้นำด้านการบริหารสินทรัพย์ สร้างคุณูปการให้แก่ระบบเศรษฐกิจไทย ด้วยการแก้ไขปัญหาหนี้เสียที่เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 4.8 แสนล้านบาท ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา BAM มุ่งมั่นในการฟื้นฟูสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และทรัพย์สินรอการขาย ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เปรียบเสมือนการคืนลมหายใจให้แก่เศรษฐกิจไทย ผ่านการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพและมีประสิทธิภาพ BAM ไม่เพียงแต่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นผู้สร้างโอกาสให้แก่ลูกหนี้ที่สุจริต ได้กลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ และเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาสังคมไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

BAM ผู้นำบริหารสินทรัพย์ แก้หนี้ 4.8 แสนล้าน พลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย

นายบัณฑิต อนันตมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM ได้กล่าวถึงความสำเร็จตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมาว่า BAM ได้บรรลุวัตถุประสงค์หลักในการเป็นองค์กรสำคัญของประเทศที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ โดยสามารถให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ที่ประสบปัญหาทางการเงินได้ถึง 155,683 ราย คิดเป็นมูลค่าหนี้รวมกว่า 4.8 แสนล้านบาท นอกจากนี้ BAM ยังประสบความสำเร็จในการจำหน่ายทรัพย์สินรอการขาย (NPA) กว่า 52,258 รายการ คิดเป็นมูลค่ารวม 1.2 แสนล้านบาท

ในไตรมาสแรกของปี 2567 BAM มีผลการเรียกเก็บเงินที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเพิ่มขึ้น 9.44% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้สามารถสร้างผลกำไรได้ถึง 423 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 58.43% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า และเมื่อรวมผลกำไรตลอด 25 ปีที่ผ่านมา BAM มีกำไรสะสมรวมสูงถึง 77,593 ล้านบาท

ปัจจุบัน BAM ยังคงมีสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) และทรัพย์สินรอการขาย (NPA) อยู่ในความดูแลจำนวน 87,371 ราย คิดเป็นภาระหนี้ รวม 496,002 ล้านบาท เมื่อเทียบกับระบบสถาบันการเงินคิดเป็น 98.06% ขณะที่ NPA มีจํานวน 24,378 รายการ มูลค่าราคา ประเมิน 72,958 ล้านบาท เมื่อเทียบกับระบบสถาบันการเงินคิดเป็น 47.19% ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนที่สำคัญเมื่อเทียบกับระบบสถาบันการเงินทั้งหมด สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทที่สำคัญของ BAM ในการแก้ไขปัญหาหนี้เสียและการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ

BAM บริหาร NPL และ NPA อย่างมืออาชีพ สร้างโอกาสใหม่ให้ลูกหนี้และสังคม

BAM ไม่เพียงมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาหนี้เสีย (NPL) ผ่านมาตรการหลากหลายรูปแบบ เช่น การโอนตีทรัพย์ชำระหนี้ การซื้อคืนทรัพย์หลักประกัน หรือการปรับโครงสร้างหนี้ แต่ยังให้ความสำคัญกับการเจรจาต่อรองที่เป็นธรรมและยืดหยุ่น โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ ตัวอย่างเช่น ลูกหนี้รายหนึ่งอาจประสบปัญหาทางการเงินชั่วคราว BAM อาจเสนอทางเลือกในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย หรือขยายระยะเวลาผ่อนชำระ เพื่อให้ลูกหนี้สามารถบริหารจัดการภาระหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ BAM ยังมีโครงการที่มุ่งเน้นการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ต้องการรักษาทรัพย์สินหลักประกันไว้ เช่น โครงการ "คืนทรัพย์ให้คุณ" ซึ่งช่วยให้ลูกหนี้สามารถซื้อคืนทรัพย์สินที่ถูกยึดได้ในราคาที่เหมาะสม หรือโครงการ "สุขใจได้บ้านคืน" ที่เปิดโอกาสให้ลูกหนี้เช่าทรัพย์สินเดิมของตนเองต่อไป โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ลูกหนี้สามารถกลับมาตั้งหลักและมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง

ในส่วนของการบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย (NPA) BAM มีความเชี่ยวชาญในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น โครงการ "คอนโดราคามหาชน" และ "คอนโดโดนใจสบายกระเป๋า" ที่มุ่งเน้นการนำเสนอที่อยู่อาศัยคุณภาพดีในราคาที่เข้าถึงได้สำหรับผู้มีรายได้น้อย หรือโครงการซื้อทรัพย์แบบผ่อนชำระที่ช่วยให้ลูกค้าที่ไม่สามารถขอสินเชื่อจากธนาคารได้มีโอกาสเป็นเจ้าของทรัพย์สิน

นอกจากนี้ BAM ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ดินเปล่า โดยมีโครงการที่น่าสนใจ เช่น โครงการปลูกพืชเศรษฐกิจเพื่อผลิตพลังงานทดแทน ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่ที่ดิน แต่ยังเป็นการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย หรือโครงการ "พออยู่ พอกิน กับที่ดิน บสก." ที่มุ่งเน้นการสร้างแปลงเกษตรต้นแบบ เพื่อให้ลูกค้าเห็นแนวทางในการใช้ประโยชน์จากที่ดินอย่างยั่งยืน

เครือข่ายสาขา BAM คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ 25 ปี ในการบริหาร NPL และ NPA ทั่วไทย

นายบัณฑิต กล่าวเสริมว่า ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ BAM ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง คือ เครือข่ายสำนักงานสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งทำหน้าที่เป็นเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง สำนักงานสาขาเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ BAM เข้าถึงลูกค้าได้อย่างทั่วถึง แต่ยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการให้บริการที่ครบวงจร ทั้งการให้คำปรึกษา การปรับโครงสร้างหนี้ และการจำหน่ายทรัพย์สิน

ที่สำคัญ พนักงานในสำนักงานสาขาส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ ทำให้มีความเข้าใจในสภาพตลาดท้องถิ่นและความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดที่ตรงจุด และการประเมินราคาทรัพย์สินได้อย่างแม่นยำ

ด้วยความแข็งแกร่งทางการเงินและประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน BAM มีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการ NPL และ NPA อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างต่อเนื่องผ่านการวิเคราะห์ตลาดและความร่วมมือกับสถาบันการเงินพันธมิตร ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มยอดขายและผลเรียกเก็บเงินสด แต่ยังช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาในการถือครองทรัพย์สินอีกด้วย

กลยุทธ์ของ BAM ในปี 2567

สำหรับแผนกลยุทธ์ของ BAM ในปี 2567 ซึ่งมุ่งเน้นการขยายและพัฒนาธุรกิจควบคู่ไปกับการสร้างความยั่งยืน โดยมีรายละเอียดดังนี้

กลยุทธ์การขยายธุรกิจ

  • เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการ Clean Loan: BAM จะแบ่งกลุ่มลูกหนี้ Clean Loan ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่บริหารเองและกลุ่มที่ให้ทนายภายนอกหรือ Collector บริหารจัดการ เพื่อลดระยะเวลาในการติดตามหนี้ให้สั้นลง
  • โครงการกิจการค้าร่วม (Consortium): BAM จะคัดเลือกทรัพย์สินประเภทโครงการเพื่อกำหนดมาตรฐานและเงื่อนไขในการร่วมลงทุนกับพันธมิตร

กลยุทธ์การพัฒนาธุรกิจ

  • พัฒนา Pricing Model: BAM จะพัฒนาโมเดลการกำหนดราคาซื้อทรัพย์สินให้มีความแม่นยำและเหมาะสมยิ่งขึ้น
  • ลงทุนแบบ Selective: BAM จะเน้นการลงทุนในทรัพย์สินที่มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ดี
  • ลดค่าใช้จ่ายและเวลา: BAM จะเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทางคดี การประเมินราคาทรัพย์ และปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น

กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน

  • บริการลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์: BAM จะพัฒนาระบบการให้บริการลูกค้าผ่าน BAM Mobile Application เพื่อให้ลูกค้าสามารถชำระเงิน ตรวจสอบภาระหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ และซื้อทรัพย์สินได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
  • บริหารจัดการข้อมูล (DATA Management Dashboard): BAM จะสร้างศูนย์ข้อมูลกลาง (DATA Center) เพื่อรวบรวมข้อมูลองค์กรและจัดทำรายงานทั้งหมดจากแหล่งเดียวกัน เพื่อให้สามารถนำข้อมูลมาใช้ในการตัดสินใจและบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Data Driven Organization)
  • ระบบ Lead Management: BAM จะพัฒนาระบบ Lead Management เพื่อรวบรวมข้อมูลกลุ่มเป้าหมายที่สนใจสินค้าและกลุ่มลูกหนี้ที่ต้องการปรับโครงสร้างหนี้
  • นำ AI มาช่วยในการวิเคราะห์ลูกหนี้: BAM จะนำเทคโนโลยี AI มาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกหนี้ เพื่อจำแนกลูกหนี้กลุ่มต่าง ๆ และหาแนวทางในการบริหารจัดการที่เหมาะสมต่อไป

ด้วยแผนกลยุทธ์ที่ครอบคลุมและมุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน BAM มั่นใจว่าจะสามารถรักษาสถานะผู้นำในธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของประเทศไทย และสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต

BAM พร้อมก้าวสู่ยุคดิจิทัล มุ่งสู่ผู้นำตลาดสินทรัพย์ พร้อมสร้างโอกาสเติบโตในอนาคต

BAM มองการณ์ไกลไปข้างหน้า 3-5 ปี ด้วยการวางเป้าหมายในการเป็น "Digital Enterprise" ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ โดยปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานหลักให้เป็นระบบดิจิทัลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการ NPL, NPA, งานด้านกฎหมาย, และบัญชีการเงิน รวมถึงการสร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อนำมาใช้ประโยชน์เชิงธุรกิจ และการรักษาความปลอดภัยของระบบและข้อมูลสารสนเทศ

ในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า BAM ตั้งเป้าที่จะเป็น "ศูนย์กลางการสร้างมูลค่าทรัพย์" (Asset market maker) โดยจะขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจไปยัง Non-Financial Debt Management (NFD), Secured P2P Facilitator และ Regional AMC Expansion ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้และขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น

สำหรับวิสัยทัศน์ระยะยาว BAM มุ่งสู่การสร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยการเพิ่มพอร์ตการลงทุนไปยังสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ที่ไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ (Non-RE) เช่น สินทรัพย์ทางเลือก (Alternative assets) การปล่อยกู้ให้แก่ลูกหนี้ที่มีประวัติการชำระหนี้ที่ดี (Recovery credit) การเป็นศูนย์กลางซื้อขาย NPLs ระดับภูมิภาค (Regional NPLs marketplace) การลงทุนในหุ้นนอกตลาด (Private equity) การเป็นตัวกลางในการซื้อขายกิจการที่ประสบปัญหาทางการเงิน (Distressed PE broker) และการพัฒนาธุรกิจด้านข้อมูลการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ (RE Data intelligence)

นอกจากนี้ BAM ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต โดยมีแผนพัฒนาผู้สืบทอดตำแหน่ง (Successor & Talent) และพัฒนาความสามารถหลักของพนักงาน (Core Capability) เช่น งานด้าน NPL/NPA และงานประเมินราคาทรัพย์สิน

advertisement

SPOTLIGHT