Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
อนุทินมั่นใจ เศรษฐกิจไม่ถอยหลัง หอการค้าชง ‘7 เสาหลักฟื้นเศรษฐกิจ’
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

อนุทินมั่นใจ เศรษฐกิจไม่ถอยหลัง หอการค้าชง ‘7 เสาหลักฟื้นเศรษฐกิจ’

18 ก.ย. 68
14:27 น.
แชร์

หลังเปิดตัวว่าที่รัฐมนตรีที่จะมาบริหารกระทรวงเศรษฐกิจสำคัญๆ แล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ก็ได้นำทีมว่าที่รัฐมนตรีเศรษฐกิจเดินสายพบภาคธุรกิจแบบถี่ๆ เพื่อหารือแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยที่อาการไม่สู้ดี

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 ได้ประชุมหารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ล่าสุดในวันนี้ (18 กันยายน) นายกฯก็นำทีมว่าที่รัฐมนตรีไปหารือแนวทางความร่วมมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในระยะเร่งด่วน กับคณะกรรมการหอการค้าและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ณ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย 

ว่าที่รัฐมนตรีที่เข้าร่วมประชุมหารือประกอบด้วย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ส่วนฝั่งหอการค้ามี ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำทีมต้อนรับและหารือ

หอการค้าเสนอ ‘7 เสาหลักฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย’

ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันภาคธุรกิจไทยกำลังเผชิญความท้าทายจากปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ราคาสินค้าเกษตรและการส่งออกที่ปรับตัวลดลง ต้นทุนพลังงานและค่าครองชีพที่สูงขึ้น ตลอดจนความไม่แน่นอนด้านการเมืองระหว่างประเทศ

หอการค้าไทยจึงได้ระดมข้อคิดเห็นจากเครือข่ายหอการค้าทั่วประเทศ ทั้งหอการค้าจังหวัด สมาคมการค้า หอการค้าต่างประเทศ และผู้ประกอบการรุ่นใหม่ โดยจัดทำเป็นข้อเสนอ “7 เสาหลักฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย” เพื่อให้รัฐบาลนำไปพิจารณาใช้เป็นมาตรการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ 
1. Rebuild Confidence Plan เสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศและนักลงทุน ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และความปลอดภัย 
2. Liquidity for SMEs & Households เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน ให้ผู้ประกอบการและครัวเรือนเข้าถึงแหล่งทุนได้สะดวก 
3. Ease Cost of Living ลดภาระค่าครองชีพและต้นทุนของประชาชน 
4. Seamless Trade ค้าขายคล่อง ส่งเสริมการค้า การลงทุน และโลจิสติกส์ ค้าขายเป็นธรรม  (Fair Trade) สร้างความสามารถแข่งขันให้ SME
5. Safety & Security of Thailand ยกระดับมาตรการด้านความปลอดภัยทั้งอาชญากรรม ยาเสพติด และสังคมออนไลน์ 
6. Trade War Response เตรียมมาตรการรองรับผลกระทบจากสงครามการค้าโลกและความผันผวนค่าเงิน 
7. Boost Demand & Tourism กระตุ้นกำลังซื้อและส่งเสริมการท่องเที่ยว ผ่านมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศ 

ข้อเสนอเร่งด่วนระยะ 4 เดือน

 ดร.พจน์กล่าวต่อว่า สำหรับข้อเสนอในระยะเร่งด่วน 4 เดือน หอการค้าไทยเสนอให้รัฐบาลใหม่เร่งดำเนินมาตรการสำคัญหลายด้านอย่างทันที เริ่มจากการค้าระหว่างประเทศ ที่ควรเร่งรัดการเจรจากับสหรัฐฯ ภายใต้กรอบ Reciprocal Tariff (RT) ควบคู่กับการแก้ไขอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษี และการขยายตลาดใหม่ในภูมิภาคที่มีศักยภาพ เช่น จีน แอฟริกา และตะวันออกกลาง ขณะเดียวกัน ธนาคารแห่งประเทศไทยควรดูแลค่าเงินบาทเชิงรุกให้อยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้ราว 34–35 บาทต่อดอลลาร์ เพื่อรักษาความได้เปรียบด้านการส่งออก 

ในมิติของการกระตุ้นเศรษฐกิจ ควรเดินหน้ามาตรการกระตุ้นกำลังซื้อที่ประชาชนคุ้นเคย เช่น ‘คนละครึ่ง’ และ ‘Easy E-Receipt’ รวมถึงรณรงค์ ‘ใช้ของไทย ฟื้น SME’ พร้อมทั้งเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2568 เพื่อช่วยเพิ่มการจ้างงาน 

ส่วนภาคการท่องเที่ยว รัฐบาลควรตั้งศูนย์บริการนักท่องเที่ยวแบบเบ็ดเสร็จ และยกระดับมาตรการความปลอดภัย โดยเฉพาะสำหรับตลาดนักท่องเที่ยวจีน ควบคู่กับการลดภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์หมวดไลฟ์สไตล์ในจังหวัดท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต และเชียงใหม่ 

ด้านมาตรการสำหรับภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) ขอให้มีการจัดสรรงบประมาณจำนวน 10,000 ล้านบาท เพื่อบรรเทาความเสียหายจากหนี้เสีย (NPL) และเร่งผลักดันโครงการ THAI SME-GP 

ด้านแรงงาน รัฐบาลควรกำหนดการปรับค่าจ้างตามมาตรา 87 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน โดยใช้กลไกไตรภาคี รวมถึงหาทางออกต่อปัญหาการขาดแคลนแรงงาน 

ขณะเดียวกัน ประชาชนควรได้รับการบรรเทาภาระค่าครองชีพผ่านมาตรการลดดอกเบี้ยลูกค้าชั้นดี และการปรับลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างลงร้อยละ 50 เป็นเวลา 1 ปี นอกจากนี้ยังควรเดินหน้านโยบาย Zero Corruption และบูรณาการการปราบปรามปัญหาสังคม ทั้งยาเสพติด การค้ามนุษย์ กลโกงออนไลน์ และการพนันอย่างจริงจัง 

ข้อเสนอระยะกลาง 8 เดือน 

ส่วนมาตรการในระยะกลาง 8 เดือน หอการค้าไทยเสนอให้รัฐบาลเร่งคืนภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรขาออกภายใน 7-14 วัน เพื่อช่วยลดต้นทุนและเสริมสภาพคล่องแก่ผู้ส่งออก พร้อมกันนี้ ภาครัฐควรร่วมมือกับภาคเอกชนและสถาบันการศึกษา จัดตั้งกลไกการพัฒนาทักษะบุคลากรให้ตรงกับความต้องการของตลาด โดยเน้นสาขาที่มีศักยภาพสูง เช่น เทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ ยานยนต์สมัยใหม่ และเกษตร–อาหารสมัยใหม่ อีกทั้งยังควรมีมาตรการสนับสนุนผ่านสิทธิประโยชน์ทางภาษีและคูปองฝึกอบรม 

ขณะเดียวกัน รัฐบาลควรเร่งแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ โดยใช้แนวทางปรับโครงสร้างหนี้และขยายวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำที่ถูกกฎหมาย เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ตลอดจนการปฏิรูปกฎหมายและกฎระเบียบควรถูกขับเคลื่อนอย่างจริงจัง ด้วยการใช้มาตรการ Regulatory Guillotine เพื่อลดความซ้ำซ้อน ลดภาระที่ไม่จำเป็น และช่วยให้ภาคธุรกิจดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

“อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอเหล่านี้ไม่ใช่เพียงมาตรการเฉพาะหน้า แต่คือแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน ที่จะสร้างความหวังและความเชื่อมั่น หากรัฐบาล ภาคเอกชน และประชาชนร่วมมือกันอย่างมุ่งมั่นและจริงจัง หอการค้าฯเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยจะสามารถกลับมาแข็งแรง และพร้อมสร้างโอกาสใหม่ให้กับประเทศและสังคมไทย” ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าว 

นายกฯรับปากจะหารือ-แก้ปัญหาให้มากที่สุด

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวหลังการประชุมหารือกับสภาหอการค้าไทย ว่าตนเองและทีมงานพยายามที่จะไปพบภาคเอกชนก่อนเข้าไปบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อที่จะได้รับฟังข้อเสนอแนะ และปัญหาที่ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลได้สนับสนุนหรือแก้ไข จะรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุด เพื่อที่เมื่อเข้าไปทำงานจะได้ดำเนินการให้ทุกอย่างขับเคลื่อนไปด้วยความรวดเร็ว 

“การมาพบกับคณะผู้บริหารสภาหอการค้าไทย ถือว่าเป็นตัวแทนของผู้ประกอบการ เรารับฟังข้อเสนอแนะข้อกังวล สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการให้รัฐบาลได้ดำเนินการ เพื่อทำให้เกิดความคล่องตัวทั้งด้านการเงิน ภาระหนี้สิน ดอกเบี้ย พลังงาน การส่งออก แรงงาน และโอกาสต่างๆ สำหรับประเทศไทยในอนาคต ได้มีการหารือลงในรายละเอียดมากพอสมควร และจะต้องมีการพบกันเป็นประเด็นไปหากมีความจำเป็น แต่ในภาพรวมจะหาโอกาสมาหารือให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้” 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงมาตรการเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจ นายกฯตอบว่า จากที่ได้รับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากฝั่งภาคธุรกิจ รัฐบาลจะพยายามทลายข้อจำกัดที่มีอยู่ ไม่ปิดกั้นโอกาส ส่วนในรายละเอียด ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะนำไปหาทางทำให้คล่องตัวขึ้น และแก้ไขปัญหาที่ค้างคาอยู่

ว่าที่รัฐมนตรีคลังหารือแบงก์ชาติแก้เงินบาทแข็งแล้ว 

จากนั้น ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาค่าเงินบาทแข็ง ซึ่งอาจเกิดจากมีเงินไหลเข้ามาผิดปกติ รัฐบาลจะมีมาตรการป้องกันอย่างไร 

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรีและว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตอบว่าได้คุยกับว่าที่ผู้ว่าการธนาคารประเทศไทยแล้ว ในเรื่องการเตรียมมาตรการรองรับเพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงิน แต่ต้องรอได้รับโปรดเกล้าฯ ก่อนจึงจะดำเนินการได้ แต่เบื้องต้น จะพยายามประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดูแลเรื่องนี้ 

ไม่ใช่แค่ดูแลการค้า แต่ต้องดูแลผู้ประกอบการให้รอด

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯมอบหมายให้ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เตรียมการอะไรบ้าง 

นายอนุทินตอบว่า มอบหมายให้ทำทุกอย่าง ทำให้การค้าคล่องตัวราบรื่น ไม่เสียเปรียบคู่ค้า และเจรจาสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่จะให้เกิดกับประเทศไทยมากที่สุด รวมถึงเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตร 

“คำว่าพาณิชย์ไม่ใช่เฉพาะค้าขายกับต่างประเทศ แต่การค้าขายในประเทศก็ต้องทำให้มีความคล่องตัวสูงสุด ลดความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ ต้องทำควบคู่กันไปทั้งพาณิชย์และคลัง การจัดหาแหล่งเงินทุนเข้ามาอัดฉีด เพื่อให้มีสภาพคล่องที่จะดำเนินการต่อ ผู้ประกอบการรายเล็กรายย่อยบางรายไปต่อไม่ได้ เพราะหนี้เก่ากลายเป็นหนี้เสีย (NPL) สินค้าค้างสต๊อก ไม่มีเงินหมุน รัฐบาลต้องขายของให้เขา แต่ต้องเลือกดูด้วยว่าเป็นลูกค้าชั้นดีมีความตั้งใจที่จะผลิตสินค้า ไม่ได้เอาเงินมาหมุนให้ผ่านไปวันๆ เมื่อเราดูแล จะนำเงินทุนไปต่อยอดและทำให้เขาค้าขายต่อได้” 

ทิศทางเศรษฐกิจ 4 เดือน ไม่ถอยหลัง

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในช่วงระยะเวลา 4 เดือน จะเห็นเศรษฐกิจไปทิศทางไหน นายอนุทินตอบว่า “ก็คงไม่ถอยหลังครับ” แล้วบอกต่อไปว่า รัฐบาลมีเวลาไม่นาน ตามที่เซ็นสัญญาไว้คือ 4 เดือนหลังแถลงนโยบายต้องยุบสภา ซึ่งการแถลงนโยบายจะเกิดขึ้นหลังจากคณะรัฐมนตรีได้ถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว ณ ปัจจุบัน รัฐบาลเตรียมร่างนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภาไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงการปรับแก้เล็กน้อยหลังจากรับฟังความเห็น-ข้อเสนอแนะจากภาคธุรกิจ 

“วันนี้มาพบกับสภาหอการค้าไทยก็อาจจะมีบางจุดที่ปรับแก้ เพื่อให้สอดคล้องกับสิ่งที่เราได้หารือ ที่เรามีความเห็นตรงกัน การเตรียมการทุกอย่างได้ทำไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เหลืออยู่ตามกระบวนการตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญ เราต้องรอให้ทุกอย่างเป็นไปตามนั้น จึงดำเนินการเข้าบริหารราชการแผ่นดินอย่างเต็มตัว” 

และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะดำเนินนโยบายเศรษฐกิจอย่างไรที่จะทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น 

นายอนุทินตอบว่า การจะทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นนั้น รัฐบาลต้องพยายามอย่างเต็มที่ โดยจะผลักดันนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน แม้ว่านโยบายนั้นจะเสนอโดยพรรคการเมืองอื่นก็ตาม 

“ถ้าทำแล้วสำเร็จ เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ทั้งพรรคที่คิดนโยบายและรัฐบาลก็จะได้เครดิตร่วมกัน win-win ทั้งคู่ สำคัญที่สุดคือทุกคนต้อง win ไม่ใช่คนหนึ่งชนะคนหนึ่งแพ้ … ไม่สนใจว่าใครจะได้เครดิต ถ้าประชาชนได้ประโยชน์ ผมไปหมด มีรูมีหนู” นายกฯหนูกล่าว

แชร์
อนุทินมั่นใจ เศรษฐกิจไม่ถอยหลัง หอการค้าชง ‘7 เสาหลักฟื้นเศรษฐกิจ’