ราคาบิตคอยน์ร่วงลงต่อเนื่องหลุดแนวรับ “34,000 ดอลลาร์/บิตคอยน์” ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันนี้ (9 พ.ค.) โดยเมื่อเวลาประมาณ 17.30 น. ราคาบิตคอยน์หล่นมาอยู่ที่ 33,298.33 ดอลลาร์/บิตคอยน์ หรือร่วงลงถึง 4.14% สู่ระดับราคาต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2021
หลังนักลงทุนเกิดอาการ “ผวา” ผลกระทบที่จะตามมาหลังการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปี พาเหรียญตัวท็อปของวงการอย่าง ETH, BNB, XRP, LUNA, SOL, ADA และ AVAX ร่วงไปในทิศทางเดียวกัน
เว็บไซต์ฟอร์จูนรายงานว่า การทิ้งดิ่งของบรรดาเหรียญหัวแถวเหล่านี้ ส่งผลให้มูลค่าตลาดคริปโทฯ หายไปแล้วถึงราว 2 แสนล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม มาร์เก็ตแคปที่หายไปคาดว่าจะมากกว่านั้น เพราะฟอร์จูนรายงานไว้ขณะที่บิตคอยน์หลุด 35,000 ดอลลาร์ แต่ปัจจุบันได้หลุดต่ำกว่า 34,000 ดอลลาร์ไปแล้ว
ขณะที่คนในวงการหลายราย เช่น เอดูล ปาเตล จากแพลตฟอร์มลงทุนคริปโทฯ มูเดร็กซ์ กล่าวกับบลูมเบิร์กว่า บิตคอยน์อาจยังเป็นขาลงต่อเนื่องไปอีก 2-3 วันข้างหน้า และอาจไปทดสอบแนวรับที่ระดับ 30,000 ดอลลาร์/บิตคอยน์
หนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่เป็นตัววัดบรรยากาศของตลาด “Crypto Fear & Greed Index” หรือมาตรวัด “ความกลัว-ความกระหาย” ของนักลงทุน ซึ่งคำนวณจากโพสต์ในโซเชียลมีเดีย ผลสำรวจ ความผันผวน และปริมาณการซื้อ-ขาย ซึ่งในวันนี้ มาตรวัดดังกล่าวได้ชี้ไปที่ระดับ “Extreme Fear” หรือ ผวาสุดๆ
หลังจากที่อยู่ในระดับ “Fear” หรือ “กลัว” มาตลอดเดือนเมษายน สะท้อนความมั่นใจของนักลงทุนที่ยังคงหวั่นวิตกในการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี ท่ามกลางบรรยากาศโลกที่โกลาหลดังเช่นในปัจจุบันนี้
สามารถเข้าไปดู “Crypto Fear & Greed Index” แบบเรียลไทม์ได้ที่ https://alternative.me/crypto/fear-and-greed-index/
ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นไปแตะระดับ 40,000 ดอลลาร์/บิตคอยน์ ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% ออกมาในทิศทางที่ดีกว่าคาด โดยขึ้นดอกเบี้ย 0.50% จากที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75%
อย่างไรก็ตาม ราคาบิตคอยน์กลับทยอยปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องหลังจากนั้น โดยส่วนหนึ่งเป็นการปรับตัวลงตามทิศทางสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งสอดคล้องกับไปตลาดหุ้นสหรัฐด้วย เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลกับภาวะเงินเฟ้อ และเริ่มมีการพูดถึงความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญกับภาวะถดถอย (Recession) กันมากขึ้น ทำให้นักลงทุนโยกเงินออกจากสินทรัพย์เสี่ยงและบิตคอยน์ โดยบลูมเบิร์กระบุว่า ปีนี้ ราคาบิตคอยน์ปรับตัวลงแล้ว 27% เช่นเดียวกับตลาดหุ้นและบอนด์ที่ลดลง 10% ในขณะที่ทองคำปรับตัวขึ้น 2.5%