สินทรัพย์ดิจิทัล

หรือ "บิตคอยน์" จะเป็นฮีโร่ช่วยรัสเซียพ้นโลกรุมคว่ำบาตร

27 ก.พ. 65
หรือ "บิตคอยน์" จะเป็นฮีโร่ช่วยรัสเซียพ้นโลกรุมคว่ำบาตร

"บิตคอยน์" อาจจะไม่ใช่/ยังไม่ใช่สินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ที่นักลงทุนจะหันมาถือกันความเสี่ยงยามวิกฤตเหมือนกับทองคำ โดยได้พิสูจน์แล้วในช่วงวิกฤตเงินเฟ้อและสงครามยูเครนล่าสุด

 

แต่อย่างน้อยที่สุด บิตคอยน์ก็ถูกมองว่าเป็น "ฮีโร่" ในสงครามรัสเซีย-ยูเครนครั้งนี้ โดยช่วยตอบโจทย์ให้ทั้งฝ่าย "รัสเซีย" ที่มีทางเลือกทางการเงินหากถูกตะวันตกรุมตัดช่องทาง Swift และช่วยฝ่าย "ยูเครน" ที่ต้องการระดมทุนสำหรับไว้ต่อสู้กับรัสเซียด้วย

 

สำหรับฝ่าย "ยูเครน" นั้น มีรายงานก่อนหน้านี้ว่า ฝ่ายเอ็นจีโอและนักเคลื่อนไหวในยูเครนได้ขอระดมทุนในรูปแบบของบิตคอยน์หรือคริปโทฯ สกุลอื่นๆ เพื่อมอบให้กองทัพยูเครนไว้ต่อสู้กับรัสเซีย เพราะบิตคอยน์นั้นไม่ต้องผ่านตัวกลางสถาบันการเงินที่ไหน จึงไม่ต้องห่วงว่าจะถูกบล็อกและยังรวดเร็วคล่องตัวสูง โดยเมื่อวานนี้ เอ็นจีโอที่ชื่อว่า Come Back Alive สามารถระดมทุนบิตคอยน์ไปได้ถึง 700,000 ดอลลาร์ (ราว 23 ล้านบาท) เลยทีเดียว

 

แต่สำหรับ "รัสเซีย" นั้น สเกลจะใหญ่กว่ากันมาก เพราะบิตคอยน์จะทำหน้าที่เป็นช่องทางการเงิน เข้า-ออก ที่สำคัญของประเทศ หากช่องทางปกติอย่าง Swift ถูกตะวันตกคว่ำบาตร ซึ่งมีตัวอย่างของรุ่นพี่ให้ศึกษาจาก "อิหร่าน" และ "เกาหลีเหนือ" มาแล้ว

 

 

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกับระบบ Swift กันก่อน

209-2097171_swift-logo-swift-

Swift มีชื่อเต็มว่า สมาคมโทรคมนาคมทางการเงินโลก หรือ Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เบลเยียม และมีหน้าที่หลักคือ เป็นตัวกลางในการโอนเงินระหว่างประเทศ หรือจะเรียกว่าเป็นนายหน้าคนกลางของแบงก์พาณิชย์ทั่วโลกก็ว่าได้ เพราะธนาคารแต่ละแห่งก็มีระบบไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงต้องมีคนกลางที่ทำระบบและโค้ดสำหรับเพื่อเชื่อมต่อในการรับ-ส่งเงิน และธุรกรรมต่างๆ ระหว่างแบงก์ทั่วโลก ปัจจุบัน มีสถาบันการเงินที่ใช้บริการ Swift มากกว่า 11,000 แห่ง ใน 200 ประเทศ/เขตพื้นที่ทั่วโลก

 

ดังนั้นที่ผ่านมา Swift จึงเป็น 1 ในเครื่องมืออันทรงพลังของมาตรการ "คว่ำบาตร" ที่โลกตะวันตกใช้ไปด้วย เหมือนกับที่ อิหร่าน เคยถูกคว่ำบาตรตัดจากระบบ Swift มาแล้วในปี 2012 เมื่อครั้งที่ปัญหานิวเคลียร์อิหร่านร้อนระอุ

 

 

บิตคอยน์จะช่วยรัสเซียได้อย่างไร?

หนังสือพิมพ์ The New York Times รายงานว่า ฝั่งรัฐบาลรัสเซียเองก็ดูจะเตรียมความพร้อมมาพักใหญ่แล้วเหมือนกัน กับการเดินหน้าสกุลเงิน "รูเบิลดิจิทัล" (Digital Ruble) โดยในเดือน ต.ค. 2020 เจ้าหน้าที่แบงก์ชาติรัสเซียได้เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นว่า เงินรูเบิลดิจิทัลใหม่ จะช่วยให้รัสเซียสามารถลดการพึ่งพาสหรัฐได้ และยังสามารถต้านทานการคว่ำบาตรได้ดีขึ้นด้วย โดยจะช่วยให้บริษัทหรือหน่วยงานต่างๆ ในรัสเซีย ก้าวข้ามระบบธนาคารระหว่างประเทศไปค้าขายกับประเทศไหนก็ได้

 

ขณะที่ รอส เอส เดลสตัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อต่อต้านการฟอกเงิน ให้มุมมองกับ CNN ว่า หากรัสเซียถูกคว่ำบาตรทางการเงินจริง เชื่อแน่ว่ารัสเซียจะหันไปพึ่งคริปโทฯ อย่างไม่ต้องสงสัย และจะช่วยให้รัสเซียสามารถเอาตัวรอดได้ด้วย

bitcoin-pile-top-dolar-bills

จากข้อมูลของบริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน Chainalysis ระบุว่า ยุโรปตะวันออกเป็นตลาดหนึ่งที่มีปริมาณธุรกรรมคริปโทฯ ที่เกี่ยวกับกิจกรรมผิดกฎหมายสูง โดยมีรายงานว่าตลาดมืดดาร์กเว็บพวกนี้มีเงินคริปโทฯ หมุนเวียนสูงสุดทุบสถิติถึง 1,700 ล้านดอลลาร์ ในปี 2020 ส่วนใหญ่เป็นสกุลบิตคอยน์ และเกือบครึ่งของเงินคริปโทฯ เหล่านี้ ยังเชื่อมไปถึงตลาดมืดของชาวรัสเซีย (เป็นตลาดที่ใช้ภาษารัสเซียกัน) ที่ชื่อว่า Hydra

 

เชนนาไลซิส ระบุว่า Hydra ถือเป็นตลาดมืดดาร์กเว็บที่ใหญ่ที่สุดในโลกขณะนี้ โดยมีสัดส่วนถึง 75% ของรายได้ในกลุ่มตลาดดาร์กเว็บทั้งหมด

 

ขณะที่บริษัทด้านบล็อกชนอีกรายอย่าง Elliptic ระบุว่า รัสเซียยังสามารถดูตัวอย่างจาก "อิหร่าน" รุ่นพี่ที่ถูกคว่ำบาตรมานาน ซึ่งในช่วงหลังมีการหันไปทำเหมืองบิตคอยน์ โดยใช้พลังงานจากพลังงานนิวเคลียร์ที่เป็นตัวปัญหากับชาติตะวันตก มาใช้ในการทำเหมืองขุดแทน

 

ส่วน "เกาหลีเหนือ" นั้นก็อาจเป็นตัวอย่างในแง่ของ "อาชญากรรมไซเบอร์" ซึ่งมีรายงานเปิดเผยจากสหประชาชาติ (UN) ก่อนหน้านี้ว่า เกาหลีเหนือใช้ทั้งการขโมยเงินคริปโทฯ และการทำแรนซัมแวร์ โดยระหว่างปี 2020 ถึงกลางปี 2021 เกาหลีเหนือได้ก่อเหตุโจรกรรมทางไซเบอร์ขโมยเหรียญคริปโททั่วโลกรวมมูลค่ากว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 1,650 ล้านบาท) โดยมุ่งเป้าไปที่แพล็ตฟอร์มเอ็กเชนจ์ใน อเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชีย เป็นหลัก เพื่อใช้เงินก้อนนี้เป็น "แหล่งเงินทุนสำคัญ" ในการพัฒนาโครงการขีปนาวุธต่อ

 

เชนนาไลซิสระบุว่า รัสเซียเองก็เป็นศูนย์กลางแรนซัมแวร์ไม่แพ้ที่ใดในโลกเหมือนกัน โดยในปีที่แล้ว ประมาณ 74% ของเงินจากแรนซัมแวร์ทั่วโลก ประมาณ 400 ล้านดอลลาร์ ถูกเคลื่อนย้ายไปยังบริษัท/หน่วยงานที่เชื่อมโยงกับรัสเซียไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

 

advertisement

SPOTLIGHT