ธุรกิจการตลาด

OR โชว์กำไรปี 66 1.1 หมื่นล้านบาท โต 7% ปีนี้รุกธุรกิจ Health&Beauty

17 ก.พ. 67
OR โชว์กำไรปี 66 1.1 หมื่นล้านบาท โต 7% ปีนี้รุกธุรกิจ Health&Beauty

 

OR เผยผลการดำเนินงานปี 2566 มีกำไรสุทธิจำนวน 11,094 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ EBITDA ที่เพิ่มขึ้น 598 ล้านบาท เดินหน้าเข้าสู่ธุรกิจสุขภาพและความงาม เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์

ผลประกอบการของ OR ในปี 2566 มีกำไรสุทธิจำนวน 11,094 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 724 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.0% จาก EBITDA ที่เพิ่มขึ้น 598 ล้านบาท จากปริมาณขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของทั้งประเทศไทยและต่างประเทศในภูมิภาค รวมทั้งการกลับมาของภาคท่องเที่ยว ส่งผลให้ปริมาณจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันอากาศยานเพิ่มขึ้น 

สำหรับราคาจำหน่ายน้ำมันที่ลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีระดับต่ำกว่า ส่งผลให้รายได้ขายและบริการลดลง 20,651 ล้านบาท 

โดยภาพรวมผลการดำเนินงาน กลุ่มธุรกิจ Mobility ยังคงแข็งแกร่ง มีกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรเติบโตขึ้นเล็กน้อย แม้ว่ากลุ่มธุรกิจ Global มีกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรโดยรวมจะอ่อนตัวลงตามสภาวะตลาดก็ตาม 

นอกจากนั้น กลุ่มธุรกิจ lifestyle สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ OR มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.92 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 อยู่ที่ 7.0% 

OR จ่ายเงินปันผล H2/66 ที่ 0.27 บาท/หุ้น

คณะกรรมการบริษัท ได้มีมติเห็นชอบให้เสนอจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งหลังของปี 2566 ที่อัตรา 0.27 บาทต่อหุ้น โดยบริษัทได้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์  2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่  29 เมษายน 2567 ซึ่งต้องรอการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ในวันที่ 10 เมษายน 2567

กาแฟอเมซอนสร้างปรากฏการณ์ความสำเร็จอีกครั้ง ด้วยจำนวนสาขากาแฟอเมซอนในประเทศไทยที่ขยายตัวแตะ 4,159 สาขา ขายได้วันละ  1,016,000 แก้ว ทำให้กลุ่มธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่มของ  OR มีรายได้ 15,325 ล้านบาท

Café Amazon ปังไม่หยุดปี 66 ขายได้วันละ 1 ล้านแก้ว 

130567

โดยผลประกอบการของกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ OR เจ้าของคาเฟ่ อเมซอน  ปี 2566 ที่ผ่านมา ความสำเร็จที่น่าทึ่งของแบรนด์กาแฟสัญชาติไทย ด้วยจำนวนสาขากาแฟอเมซอนในประเทศไทยที่ขยายตัวแตะ 4,159 สาขา แบ่งเป็น 2,232 สาขาในสถานีบริการน้ำมัน คิดเป็นสัดส่วน 53.7% และ 1,927 สาขานอกสถานีบริการ คิดเป็นสัดส่วน 46.3% ตามลำดับ ไม่เพียงแต่ในประเทศไทย กาแฟอเมซอนยังขยายสาขาไปยังต่างประเทศอีก 22 สาขา รวมเป็น 4,181 สาขา ทั่วโลก โดยสามารถแบ่งได้ดังนี้ 

จำนวนยอดขายเฉลี่ย ย้อนหลัง 3 ปี ของ Café Amazon

ปี 2564 ขายได้ 298,000,000 แก้ว 

ปี 2565 ขายได้ 357,000,000 แก้ว 

ปี 2566 ขายได้ 371,000,000 แก้ว 

จำนวนยอดขายเฉลี่ยต่อวัน ย้อนหลัง 3 ปี ของ Café Amazon

ปี 2564 ขายได้วันละ 816,000 แก้ว 

ปี 2565 ขายได้วันละ 978,000 แก้ว 

ปี 2566 ขายได้วันละ 1,016,000 แก้ว 

จำนวนสาขา  ย้อนหลัง 3 ปี ของ Café Amazon

ปี 2564 มีจำนวน 3,628 สาขา 

ปี 2565 มีจำนวน 3,895 สาขา 

ปี 2566 มีจำนวน 4,181 สาขา 

เวลานี้ตอกย้ำว่าในเวลานี้ กาแฟอเมซอน มุ่งมั่นที่จะเป็นแบรนด์กาแฟชั้นนำระดับโลก ที่นำเสนอรสชาติกาแฟไทยแท้ๆ ให้ผู้คนทั่วโลกได้ลิ้มลอง

ผลการดำเนินงาน กลุ่มธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม ของ  OR

สำหรับผลการดำเนินงานของ Café Amazon จะรวมอยู่ในรายได้จากการขายและบริการของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งจะมีทั้ง ธุรกจิค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่มอื่นๆอย่าง ร้านเท็กซัส ชิคเก้น ที่มีเครือข่าย 100 สาขา ร้านอาหารและ เครื่องดื่มอื่นๆได้แก่ เพิร์ลลี่ทีและ Pacamara Coffee Roasters มีเครือข่าย 121 สาขา  และกลุ่มธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ มีร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ 7-Eleven และภายใต้แบรนด์ จิฟฟี่ ในประเทศไทย อีก 2,227 สาขา 

โดยในปี 2566 กลุ่มธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม รวมรายได้จากการขายและบริการรวมทั้งหมดตลาดปี 2566 จะมีรายได้ 15,325 ล้านบาท เติบโต 9.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ก็มาจากเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว และการขยายสาขาเพิ่มขึ้น

เปิดตัว พีทีที สเตชั่น แฟลกชิป วิภาวดี 62 ต้นแบบ

ในปี 2566 ที่ผ่านมา OR ได้เปิดตัว พีทีที สเตชั่น แฟลกชิป วิภาวดี 62 ต้นแบบสถานีบริการในอนาคตที่ครบครันทั้งด้านบริการที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการและทุกไลฟ์สไตล์ 

สะท้อนถึงแนวคิดในการดำเนินธุรกิจของ OR ที่พร้อมสร้างโอกาสให้ผู้คน ชุมชน สิ่งแวดล้อม เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน ตามแนวคิด SDG ในแบบของ OR ในทุกมิติ และได้ผลักดันการสร้างยอดขายและกำไรในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม Energy Solution เช่น น้ำมันอากาศยานที่มีแนวโน้มยอดจำหน่ายสูงขึ้นจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว 

ส่วนกลุ่มธุรกิจ Global OR ยังคงมุ่งแสวงหาพันธมิตรที่มีศักยภาพเพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจร่วมกันในการขยายธุรกิจในต่างประเทศ และเพิ่มความหลากหลายในการดำเนินธุรกิจ 

โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา ได้จับมือกับพันธมิตร เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชั่น เปิดร้านสะดวกซัก “อ๊อตเทริ วอชแอนด์ดราย” สาขาแรกในประเทศกัมพูชา เป็นไปตามหนึ่งในกลยุทธ์ของ OR ในการผลักดัน SMEs ไทยที่ OR เข้าลงทุนได้ไปเติบโตในต่างประเทศ 

นอกจากนี้ ยังได้ขยายสาขา Café Amazon ในประเทศญี่ปุ่น และมาเลเซีย อีกทั้งยังเปิด Café Amazon Concept Store แห่งแรกในต่างประเทศ ณ  นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว

ด้านการดูแลชุมชน OR ได้พัฒนาโครงการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน เพื่อช่วยส่งเสริมเกษตรกรในพื้นที่ได้มีองค์ความรู้ในการประกอบอาชีพอย่างยั่งยืน รวมทั้งยังได้เปิดโรงแปรรูปเมล็ดกาแฟคาเฟ่ อเมซอน ที่ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ เป็นจุดรับซื้อผลผลิตเมล็ดกาแฟกะลาอะราบิกาในพื้นที่ภาคเหนือจากเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟโดยตรงในราคาที่เป็นธรรม 

รวมทั้ง ช่วยพัฒนาทักษะความรู้ให้เกษตรกร พร้อมช่วยแก้ไขปัญหาในกระบวนการปลูก การผลิต และการแปรรูปกาแฟอย่างครบวงจร เพื่อให้ได้ผลผลิตกาแฟมีคุณภาพมาตรฐาน 

สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมตามวิสัยทัศน์ Empowering All toward Inclusive Growth หรือเติมเต็มโอกาสเพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน

ล่าสุด OR ได้รับคัดเลือกจาก S&P Global ให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ หรือ DJSI (Dow Jones Sustainability Indices) ในกลุ่มดัชนีตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market Index) โดยได้รับคะแนนสูงสุดในกลุ่มธุรกิจค้าปลีก (Retailing) เป็นปีแรก และได้รับรางวัล Best Sustainability Awards จาก SET Sustainability Awards 2023 รวมทั้งได้รับผลการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Rating 2023 ระดับสูงสุด AAA ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจของ OR เพื่อสร้างความเข้มแข็งและการเติบโตอย่างยั่งยืน เคียงข้างชุมชน เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ตามแนวทาง ESG ทั้ง 3 มิติ ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และและการกำกับดูแลที่ดี ผ่านการลงมือปฏิบัติจริงตามแนวทาง OR SDG

ปี 2567 มีแผนรุกธุรกิจ Health & Beauty

นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยถึงในปี 2567 OR ยังคงมุ่งเน้นการสร้างความแข็งแรงของธุรกิจหลัก (Core Business) เพื่อเป็นฐานสำหรับการเติบโตในอนาคต

ทั้งนี้ ปีนี้ มีแผนรุกธุรกิจ Health & Beauty เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำตลาดค้าปลีกด้านสุขภาพและความงาม สร้างโอกาสและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ภายใต้ความร่วมมือที่สำคัญระหว่างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญทั้งในและต่างประเทศเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในด้านไลฟ์สไตล์ 

อีกทั้ง ยังเตรียมเดินหน้าโครงการคาเฟ่ อเมซอน ปาร์ค ที่ จ. ลำปาง เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ value chain ของคาเฟ่ อเมซอน ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และสร้าง ecosystem ของคาเฟ่ อเมซอนให้ยั่งยืน และจะถือเป็นตัวอย่างหนึ่งของการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของ OR ที่ถูกผนวกเข้าไปกับการดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่กลยุทธ์ แผนปฏิบัติการและเป้าหมายธุรกิจ และได้นำไปสู่การลงมือปฏิบัติจริงอย่างเป็นรูปธรรมตามแนวคิด OR SDG In Action

 

 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT