Palworld เกม Co-op เอาตัวรอดและสะสมมอนสเตอร์ในโลกเปิดกว้าง เปิดตัวเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และกลายเป็นหนึ่งในเกมที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลกอย่างรวดเร็ว ทำกำไรไปแล้วกว่า 2,400 ล้านบาท
Palworld เกมที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก ทำกำไรไปกว่า 2,400 ล้านบาท
เกม Palworld ตอนเปิดตัวเคยถูกมองข้ามในช่วงแรก ด้วยภาพลักษณ์ที่คล้ายโปเกม่อนผสมผสานความรุนแรง แต่ด้วยรูปแบบการเล่นที่แปลกใหม่ ผสมผสานความน่ารักของมอนสเตอร์เข้ากับระบบการต่อสู้ที่เข้มข้น ทำให้เกมนี้กลายเป็นกระแสโด่งดังในชั่วข้ามคืน ด้วยความสำเร็จภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน Palworld มียอดผู้เล่นรวมกว่า 25 ล้านคน แบ่งเป็น 15 ล้านชุดบน Steam และอีก 10 ล้านคนบน Xbox จนเกมทำกำไรมหาศาล ผู้พัฒนาเกม Palworld เปิดเผยว่า เกมนี้มีต้นทุนการผลิตผประมาณเพียง 240 ล้านบาท (ต้นทุนไม่ถึง 1,000 ล้านเยน หรือ 6.7 ล้าน USD ) แต่สามารถทำกำไรไปได้ถึง 2,400 ล้านบาท (10,000 ล้านเยน หรือ 67.2 ล้าน USD)
ถอดบทสัมภาษณ์ ของคุณ Takuro Mizobe ผู้สร้างเกม Palworld
คุณ Mizobe วัย 35 ปี ให้สัมภาษณ์กับทาง Bloomberg ว่า ในยุคโซเชียลมีเดียแบบนี้ เกมจะปังได้ มันต้องไม่เพียงแค่เล่นสนุกเท่านั้น แต่ต้องดูสนุกด้วย มีโหมดสำหรับเล่นหลายคน และทำให้คนอยากคุยกันเกี่ยวกับเกม Pocketpair สตูดิโอขนาดเล็ก 55 คนในกรุงโตเกียวที่ Mizobe ก่อตั้งในปี 2015 เริ่มสร้าง Palworld โดยใช้แนวคิดนี้
ตัวละคร "Pals" ที่น่ารักในเกมนี้สอดคล้องกับเป้าหมายของ Mizobe ที่อยากให้คนพูดถึงกันในโลกออนไลน์ ด้วยแรงบันดาลใจที่ชัดเจนจาก Pokémon ของ Nintendo แต่พวกเขาไม่ได้ลอกเลียนมาโดยตรง ทีมของ Mizobe ยังหยิบยืมแนวคิดจากเกมดังเกมอื่น ๆ มาสร้างสรรค์ระบบและดีไซน์ของเกมด้วย เช่น ARK: Survival Evolved, Factorio และ RimWorld สิ่งสำคัญคือการหาความสมดุลระหว่างองค์ประกอบเหล่านั้น พร้อมเติมเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าสนใจลงไป
Mizobe อธิบายว่า "ใน Palworld ร่างของ Pals ที่แพ้จะยังคงอยู่ในเกมแบบเปล่าประโยชน์" ปกติเกมอื่นเวลาสู้กับมอนสเตอร์หรือศัตรู พอเอาชนะได้มอนสเตอร์ก็จะหายไป หรือกลายเป็นไอเทมให้เราเก็บ เพื่อนร่วมงานของผมไม่เห็นด้วยกับไอเดียให้ศพยังคงอยู่แบบไร้ประโยชน์ แต่ผมดันไว้ เพราะเชื่อว่าผู้เล่นจะหาอะไรทำกับมันและพูดถึงมันได้"
โปเกม่อนเมืองคอน
จุดเด่นของเกมนี้คือการเอาหลายๆแนวมาผสมกันอย่างมีอารมณ์ขัน ซึ่งทำให้เกิดคำอธิบายสั้นๆว่า "Pokémon ผสมกับปืน" การเอาแนวเกมที่แตกต่างกันมาผสมมักจะทำให้ขัดกันและทำให้เกมไม่สนุก แต่ Pocketpair กลับทำสิ่งนี้ได้ดีและกลายเป็นจุดแข็งของพวกเขา Mizobe บอกว่าเกมก่อนๆหน้าของทางบริษัทก็ล้วนหยิบยืมเอาแนวเกมและเทรนด์ที่โด่งดังมาเป็นแรงบันดาลใจ
เกมก่อนๆของ Pocketpair ไม่ได้ทำให้พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับความสำเร็จแบบถล่มทลายของ Palworld เกมราคา $30 ทำยอดผู้เล่นมากกว่า 25 ล้านคนภายในแค่เดือนเดียว ซึ่งกลายเป็นเกมที่เปิดตัวเร็วที่สุดเกมหนึ่งในประวัติศาสตร์ และเป็นอีกหนึ่งเกมหลักของบริการ Xbox Game Pass ของ Microsoft
เกมนี้มีมอนสเตอร์น่ารักๆ ที่เรียกว่า "Pals" อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดูสมจริง Mizobe บอกว่าการผสมผสานงานศิลป์ที่แปลกตานี้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ ตอนแรกทีมงานใช้ตัวละครสไตล์อนิเมะจาก Unity Technologies แล้วค่อยเปลี่ยนมาใช้ Unreal Engine ของ Epic Games ซึ่งภาพส่วนใหญ่จะเน้นความสมจริง Mizobe เล่าว่ามันยากมากที่จะผสมผสานภาพสองสไตล์เข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ และสุดท้ายก็ออกมาเป็นภาพลักษณ์ที่สดใหม่และไม่เหมือนใคร
รวยเร็วจนบริษัทปรับตัวไม่ทัน
ตอนนี้ Pocketpair ยังพอใจกับการเป็นสตูดิโออิสระและรักษาความใกล้ชิดของทีมขนาดเล็กไว้อยู่ บริษัทกำลังคุยเพื่อจะนำ Palworld ลงแพลตฟอร์มอื่นๆ นอกเหนือจาก Steam และ Game Pass รวมถึงเปิดรับข้อเสนอในการเป็นพาร์ทเนอร์หรือการซื้อกิจการด้วย Mizobe ยืนยันว่ายังไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องการขายบริษัทให้กับ Microsoft
Mizobe ซึ่งเป็น CEO และเป็นเจ้าของบริษัททั้งหมด มองว่าสตูดิโอขนาดเล็กจะเป็นผู้บุกเบิกด้านการออกแบบเกมคนสำคัญ "เราเป็นและจะเป็นสตูดิโอเล็กๆ" เขาบอก "ผมอยากจะสร้างเกมเล็กๆ หลายๆ เกม เกม AAA งบประมาณสูงไม่ใช่สไตล์ของเรา"
ต้นทุนในการสร้าง Palworld อยู่ที่ต่ำกว่า 1 พันล้านเยน (ประมาณ $6.7 ล้าน) และทำกำไรกลับมาแล้วหลายหมื่นล้านเยน Mizobe บอกว่าเงินที่ได้มามัน "มากเกินไปสำหรับสตูดิโอขนาดเรา" บริษัทไม่ได้วางแผนจะใช้เงินก้อนนี้จ้างพนักงานเพิ่มหรือหาออฟฟิศใหม่ (ตัว CEO เองเคยเป็นวิศวกรด้านเทคโนโลยีอยู่ JPMorgan มาก่อน) Mizobe ยังไม่มีแผนจะนำหุ้นของ Pocketpair เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ด้วย
แม้ CEO จะไม่มั่นใจว่า Pocketpair จะสร้างเกมที่โด่งดังได้เทียบเท่า Palworld อีก (Palworld เคยมีคนเล่นพร้อมกันมากกว่า 2 ล้านคน ซึ่งทัดเทียมกับเกมใหญ่ๆ บน PC เลย) แต่เขาก็เชื่อมั่นในสูตรสร้างเกมที่ปังในยุคนี้ Mizobe บอกว่า "เกมจะสนุกที่สุดเวลาเล่นกับเพื่อน เกมที่ไม่มีโหมดเล่นหลายคนมันรู้สึกแปลกๆ ในยุคสมัยนี้"
ที่มา Bloomberg