Tesla หุ้นพุ่ง 10% หลัง Morgan Stanley คาดเทคฯ ไร้คนขับ อาจดันมูลค่าบริษัทขึ้นอีก 17.8 ล้านล้านบาท
หุ้น ‘เทสลา’ (Tesla) ทะยานขึ้นถึง 10.09% ในวันจันทร์ หลังนักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley ธนาคารรายใหญ่จากสหรัฐฯ ‘เพิ่มน้ำหนัก’ การลงทุนในหุ้นเทสลา ชี้มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยเฉพาะการเติบโตจาก ‘Dojo’ ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์เบื้องหลังเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับของเทสลาที่อาจช่วยดันมูลค่าตลาดของบริษัทให้เพิ่มขึ้นถึง 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 17.8 ล้านล้านบาทในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โดยนอกจากการปรับน้ำหนักลงทุนเป็น “overweight” แล้ว นักวิเคราะห์ยังปรับคาดการณ์ราคาเป้าหมายในระยะเวลาอีก 12 เดือนข้างหน้าเป็น 400 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น จาก 250 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น สะท้อน upside ถึงเกือบ 50% จากระดับราคาปัจจุบัน ซึ่งอยู่ที่ 273.58 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้นหลังปิดตลาดวันจันทร์
และถ้าหากราคาหุ้นของเทสลาแตะระดับ 400 ดอลลาร์สหรัฐได้จริง มูลค่าตลาดของเทสลาจะขึ้นไปถึง 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ หุ้นเทสลาขึ้นไปแตะระดับสูงที่สุดตั้งแต่เข้าตลาดที่ 414.5 ดอลลาร์ต่อหุ้นในเดือนพฤศจิกายนปี 2021
Tesla จะเป็นมากกว่าบริษัทขายรถ เพราะอาจขายเทคโนโลยีได้ด้วย
Adam Jonas นักวิเคราะห์ของ Morgan Stanley เขียนในรายงานว่า สาเหตุหลักที่ธนาคารมีมุมมองเป็นบวกอย่างมากกับหุ้นเทสลาในขณะนี้ คือ “Dojo” ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่จะยกระดับเทสลาจาก ‘บริษัทผลิตรถ’ มาเป็น ‘บริษัทเทคโนโลยี’ เพราะมันจะเปิดทางให้เทสลาขยายสินค้าและบริการไปในตลาดที่กว้างและมีมูลค่าสูงกว่ามาก
Jonas มองว่า ในอนาคต Dojo จะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยเทสลาพัฒนาระบบยานยนต์ไร้คนขับ ซึ่งจะต้องใช้ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถภาพการทำงานสูงในการคำนวณและประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก เพราะถ้าหากทำสำเร็จ เทสลาจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมากจากลูกค้าที่ต้องการเพิ่มระบบดังกล่าวไว้ในรถเทสลาของตัวเอง
เขาคาดว่า ระบบนี้จะช่วยเทสลาประหยัดเงินไปได้ถึง 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพราะเทสลาจะสามารถผลิตเทคโนโลยีใช้เองได้ ไม่ต้องไปพึ่งพาให้บริษัทเทคโนโลยีข้างนอกพัฒนาให้
นอกจากนี้ Dojo จะไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนาเทคโนโลยีให้ตัวรถเทสลาเองเท่านั้น เพราะเทสลาอาจใช้เทคโนโลยีนี้ไปต่อยอดใช้กับบริการด้านการขนส่งอื่นๆ ได้อีก อย่างเช่น บริการ Robotaxis หรือแท็กซี่ไร้คนขับ ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้เทสลาสามารถแตกไลน์ไปหารายได้ในธุรกิจอื่นได้อีก เช่น ธุรกิจขนส่ง และอาจจะนำเทคโนโลยีนี้ไปขายคู่แข่ง หรือธุรกิจด้านยานยนต์หรือขนส่งอื่นๆ ได้ด้วย
Jonas กล่าวว่า เทคโนโลยีนี้จะทำให้เทสลาเจาะเข้าไปเป็นผู้เล่นได้อีกหลายตลาดในฐานะผู้ให้บริการโซลูชั่นเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ ในทำนองเดียวกับที่ Amazon Web Services (AWS) ธุรกิจคลาวด์ของ Amazon ส่ง Amazon ให้กลายเป็นผู้เล่นสำคัญในวงการเทคโนโลยี ไม่ใช่เพียงแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ
โดยถ้าหากดูจากจำนวนเม็ดเงินที่เทสลาลงทุนไปกับการพัฒนาเทคโนโลยี นั่นก็ดูเหมือนจะเป็นทิศทางการดำเนินธุรกิจที่เทสลาวางแผนไว้จริงๆ
เพราะในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อีลอน มัสก์ ได้ออกมาแจ้งกับผู้ถือหุ้นว่า ภายในปี 2024 ทางเทสลามีแผนที่จะลงทุนเงินถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในการพัฒนา Dojo ซึ่งคิดเป็นมูลค่าไม่น้อยเลยสำหรับบริษัทผู้ผลิตรถ เมื่อเทียบกับบริษัทเทคโนโลยีโดยตรงอย่าง Nvidia ที่ในปี 2022 ลงทุนกับการวิจัยและพัฒนาสินค้าไป 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ฟังหูไว้หู เพราะแผนอาจดีเลย์
ถึงแม้ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ที่มาจากธนาคารใหญ่อย่าง Morgan Stanley นักลงทุนก็ต้องดูสถานการณ์ประกอบด้วย เพราะอีกบริษัทวิจัยชื่อดังอย่าง Morningstar Research Services มองว่า ถึงแม้เทสลาจะมีศักยภาพในการพัฒนาเทคโนโลยีจริง นักลงทุนก็อาจจะต้องรอไปอีกซักพักกว่า จะเห็นผลลัพธ์เพราะแผนธุรกิจของเทสลามักจะไม่เป็นไปตามแพลนอยู่บ่อยๆ
ในปี 2015 Adam Jonas คนนี้ก็เคยปรับเป้าราคาหุ้นเทสลาขึ้นมาแล้ว เพราะคาดว่าเทสลาจะปล่อยแอปพลิเคชั่นบริการขนส่งคล้าย uber ออกมา แต่เวลาผ่านมาแล้ว 8 ปีบริการดังกล่าวก็ยังไม่ถูกปล่อยออกมา เทคโนโลยีช่วยขับของเทสลาในปัจจุบันก็ยังต้องใช้คนช่วยอยู่ ไม่ได้ขับรถได้แบบไม่ต้องพึ่งคนจริงๆ อย่างที่โฆษณา และที่บอกว่าจะปล่อยเทคโนโลยีแบบไม่ใช้คนขับจริงๆ ออกมาในปี 2027 ก็ไม่รู้จะเป็นไปตามเป้าหรือไม่
สำหรับนักวิเคราะห์รายอื่น ก็ยังให้เป้าราคาที่ต่ำกว่ามาก โดยเป้าราคาเฉลี่ยนักวิเคราะห์ของ Bloomberg ในปัจจุบันอยู่ที่เพียง 268.42 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ขณะที่ Deutsche Bank ให้ไว้ที่ 300 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้นเมื่อวันที่ 6 กันยายน เพราะมองว่าการลดการผลิตในช่วงฤดูร้อนจะส่งผลให้มียอดส่งมอบรถน้อยลง ซึ่งจะกระทบกับรายได้ของบริษัท
ทั้งนี้ เทสลามีแผนที่จะเปิดตัวระบบยานยนต์ไร้คนขับรุ่นใหม่ในช่วงประมาณปลายปีนี้ และจัดงาน Artificial Intelligence Day ในปี 2024 ซึ่งก็เป็นอีเวนท์ที่นักลงทุนทั่วโลกต้องจับตามอง เพราะในงานเหล่านี้อาจจะมีความคืบหน้าบางอย่างที่อาจจะชี้ได้ว่า สุดท้ายแล้วเทสลาจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์ได้จริงหรือไม่
