
“วิว” ได้รับการยกย่องว่ามีความพร้อมทั้งร่างกายและหัวใจ ในแง่ของร่างกายวิวมีทั้งความแข็งแกร่งและปราดเปรียว รวมถึงน้ำอดน้ำทน นอกจากนี้ยังมีไหวพริบในการเล่น ที่หลายคนเรียกว่า Badminton IQ แถมยังมีหัวจิตหัวใจที่ไม่เป็นสองรองใครอีกด้วย แต่ทั้งหมดไม่ได้มาจากความบังเอิญ ทุกอย่างต้องประกอบสร้างกันขึ้นมา
“วิว กุลวุฒิ” ถึงวันนี้อายุ 24 ปีเต็ม และกำลังจะก้าวเข้าสู่เบญจเพสในปีหน้า เรียกว่าเชิงกายภาพยังอยู่ในช่วงขาขึ้นใครหลายคนอาจจะคาดไม่ถึงว่า จุดเริ่มต้นของ "วิว" ไม่ได้คิดว่าจะมาเป็นนักกีฬาอาชีพตั้งแต่แรก แต่เล่นเพียงเพราะคุณพ่ออยากใช้กีฬาเป็นเครื่องมือช่วยรักษาอาการภูมิแพ้ ให้กับ “น้องวิว” ตอนอายุ 7 ขวบแต่จากการเล่นกีฬาเพื่อเสริมสร้างสุขภาพ ทำให้เขามายืนแถวหน้าของวงการแบดมินตันได้อย่างไร
ในวัยเด็กชีวิตในวงการแบดมินตันของเขาเริ่มที่ “สโมสรเสนานิคม” ท่ามกลางบรรยากาศการฝึกซ้อมที่ค่อยเป็นค่อยไป แต่พรสวรรค์และความมุ่งมั่นที่ซ่อนอยู่ได้ฉายแววออกมาอย่างรวดเร็ว ทำให้ฝีมือของ “วิว” พัฒนาการอย่างก้าวกระโดด
จากนั้นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเริ่มขึ้นเมื่อตัดสินใจก้าวเข้าสู่ระบบการฝึกซ้อมที่จริงจังและเข้มข้นยิ่งกว่ากับชมรมแบดมินตันอมาตยกุล ซึ่งช่วยบ่มเพาะพื้นฐานให้แน่นหนา ก่อนที่จะไปสู่จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดนั่นคือการย้ายสังกัดสู่ “โรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด” โรงเรียนแบดมินตันอันดับหนึ่งของไทย ส่งออกนักกีฬาแบดมินตันระดับโลกมาแล้วหลายต่อหลายคน และมีไอดอลสำหรับเด็กๆทุกคนอย่า "เมย์" รัชนก อินทนนท์” ภาพความสำเร็จของ “เมย์” กลายเป็นเป้าหมายที่ชัดเจนและเป็นเชื้อไฟแห่งความฝันของเด็กชาย “วิว”
แน่นอนว่าด้วยแววความสามารถขณะนั้น ไม่ใช่แค่ “วิว” ที่จับตาดูความฝันเพียงฝ่ายเดียว แต่ “บ้านทองหยอด” ก็จับตาดู “วิว” ในฐานะอนาคตเช่นกัน
สิ่งที่ตอกย้ำความเป็นตำนานตั้งแต่อายุน้อยของ “วิว” ก็คือ เขาคือคนเดียวในโลกที่สามารถคว้าแชมป์โลกเยาวชนประเภทชายเดี่ยวได้ถึง 3 สมัยซ้อน ในปี 2017, 2018 และ 2019 นี่มันคือการประกาศศักดาว่าเด็กคนนี้เขาของจริง ไม่ได้มาเล่น ๆ
พอขยับขึ้นมาเล่นในรุ่นทั่วไป การแข่งขันก็หนักหน่วงขึ้นหลายเท่า แต่ "วิว" ก็ยังคงสู้ไม่ถอย ค่อย ๆ เก็บประสบการณ์ และแน่นอนว่าต้องเจอกับกำแพงยักษ์ที่ฆ่าไม่ตาย ล้มไม่ลง คู่ปรับคนสำคัญ ครูและศัตรูตัวฉกาจของ “วิว” คือ “วิคเตอร์ แอ็กเซลเซ่น” นักแบดมินตันชาวเดนมาร์ก ผู้ครองตำแหน่งมือหนึ่งของโลกในตอนนั้น
ทุกครั้งที่ทั้งคู่ปะทะกันในสนาม สถิติที่เกิดขึ้นเป็นเครื่องยืนยันถึงความแข็งแกร่งของแอ็กเซลเซ่นได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นในรายการ บาร์เซโลน่า สเปน มาสเตอร์ 2020, โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น 2021, สวิส โอเพ่น 2021, เอชเอสบีซี เวิลด์ทัวร์ ไฟนัลส์ 2021, ศึกชิงแชมป์โลก 2022 และ เดนมาร์ก โอเพ่น 2022 ทุกสนามจบลงด้วยชัยชนะของแอ็กเซลเซ่นที่ 2-0 เกม
ในศึกชิงแชมป์โลกปี 2022 ที่โตเกียว วิวไปถึงรอบชิงฯ แต่ก็ยังคงพ่ายให้กับวิคเตอร์ และได้รองแชมป์มาครอง ทำให้ “วิว” ต้องจารึกความพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึง 6 ครั้งติดต่อกัน เรียกได้ว่าผูกปีแพ้กันทีเดียว
แต่ความพ่ายแพ้ไม่ได้ทำให้วิวท้อถอย ตรงกันข้าม มันยิ่งกลายเป็นแรงผลักดันให้เขาพยายามอย่างหนักเพื่อหาจุดบกพร่องและเติมเต็มสิ่งที่ขาด เป็นบทเรียนสำคัญที่หล่อหลอมให้ “วิว” แกร่งและเก่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด
และในปี 2023 "วิว" ก็ได้พิสูจน์ให้โลกรู้ว่า “ความพยายามก็ไม่เคยทรยศใคร” เขาประกาศศักดาครั้งใหญ่ด้วยการมีชัยเหนือ “วิคเตอร์ แอ็กเซลเซ่น” ได้สำเร็จ คว้าเหรียญทองในการแข่งขันแบดมินตันชิงแชมป์โลก และยังเป็นนักกีฬาชายเดี่ยวคนแรกของไทยที่ทำได้
เป็นการเอาชนะความพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่าที่สะสมมาตลอดหลายปี แสดงให้เห็นถึงหัวใจนักสู้ที่ไม่ยอมแพ้ จนสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดและยืนหยัดทัดเทียมกับมือหนึ่งของโลกได้อย่างยิ่งใหญ่ในที่สุด
ซึ่งสิ่งที่ทำให้ "วิว" โดดเด่นกว่าใครคือ สไตล์การเล่นที่ฉลาดเป็นกรด หลายคนเรียกว่า “วิว” เล่นแบบ “นักเล่นหมากรุก” คือ เน้นที่สไตล์อดทน เล่นเกมยาวอย่างไม่ยอมแพ้ สู้ในทุกแต้มจนคู่แข่งท้อไปเอง
สิ่งนี้เกิดได้ต้องประกอบสร้างจากความมั่นใจในความฟิตทั้งกายและใจก่อนที่จะพัฒนามาเป็นแผนที่อ่านเกมและบังคับให้คู่ต่อสู้ทำผิดพลาดเอง นอกจากนี้ยังมีการคุมอารมณ์ที่ดีทำให้คู่แข่งต้องเสียสมาธิไปเอง
“ถ้าพูดถึงเรื่องความฟิต การฝึกซ้อมก็เป็นเรื่องสำคัญ และที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ การฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังจาก ออกกำลังกายอย่างหนัก และนี่คือตัวช่วยอย่าง อะมิโนไวทัล บลูช็อต ที่ช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ ลดอาการเมื่อยล้า และป้องกันการสลายตัวของกล้ามเนื้อ โดยมีพลังงานเพียง 20 กิโลแคลอรี่ ไม่มีน้ำตาล และไม่มีคาเฟอีน จึงเหมาะสำหรับทานหลังออกกำลังกาย”
และความสำเร็จที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศภาคภูมิใจจนน้ำตาซึมก็คือที่โอลิมปิกฤดูร้อน ปี 2024 ที่เป็นโอลิมปิกครั้งแรกของ “วิว” ในวัยเพียง 23 ปีเท่านั้นและคว้าเหรียญเงินประวัติศาสตร์ให้กับประเทศไทยได้สำเร็จ
แม้การแพ้ครั้งนี้จะเป็นการแพ้แก่ “แอ็กเซลเซ่น” อีกครั้ง แต่จากนั้นก็ไม่มีอะไรมาหยุดวิวได้แล้ว
เพราะในเดือนพฤษภาคม ปี 2568 เขาได้ขึ้นไปครองตำแหน่ง มือ 1 ของโลก ประเภทชายเดี่ยว ที่เป็นผลตอบแทนของความมุ่งมั่น ความไม่ยอมแพ้ และการฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วง ตั้งแต่เด็กจนถึงทุกวันนี้
และล่าสุด กับบทบาทที่ตอกย้ำถึงความเป็นต้นแบบและความสำเร็จของเขา ในมหกรรมกีฬาระดับภูมิภาคอย่างการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่เปิดฉากขึ้นในวันนี้ คณะกรรมการได้เลือก “วิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์” ให้รับหน้าที่อันทรงเกียรติเป็นผู้ถือธงชาติไทยเดินนำทัพนักกีฬาไทยเข้าสู่สนามร่วมกับ จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง นักกีฬามวยสากลหญิงเจ้าของเหรียญทองแดงโอลิมปิก 2024
การได้รับเลือกครั้งนี้ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงความเหมาะสมในทุกด้าน ทั้งฝีมือที่เป็นที่ประจักษ์ และจิตวิญญาณนักสู้ที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬารุ่นน้องและคนไทยทั้งประเทศ
เรื่องราวของ "วิว" กุลวุฒิ วิทิตศานต์ จึงไม่ได้สอนแค่เรื่องแบดมินตันนะครับ แต่สอนให้เรารู้ว่า ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นจากจุดไหน จะมีอุปสรรคอะไร ถ้าเรามีความมุ่งมั่น มีวินัย และหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ เราก็สามารถสร้างประวัติศาสตร์ให้กับตัวเองได้เสมอ
Advertisement