
วันนี้เราพาทุกคนไปเจาะลึกเรื่องราวชีวิตของ 'อำนาจ รื่นเริง' ตำนานของนักสู้ผู้ลุกขึ้นจากฐานะนักโทษสู่แชมป์โลก ทว่าเส้นทางชีวิตนอกสังเวียนกลับพังทลายยิ่งกว่าการพ่ายแพ้น็อกเอาต์ จาก 'เพชร' ผู้มีค่าตัวมหาศาล สู่ชายที่แตกสลายทั้งร่างกายและจิตใจ ป่วยจิต ติดสุรา ก่อคดีซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ชื่อของ "อำนาจ รื่นเริง" อดีตแชมป์โลกมวยสากล IBF รุ่นฟลายเวท คือภาพสะท้อนของนักสู้ผู้เคยยืนหยัดอย่างสง่างามบนเวทีระดับโลก นำธงชาติไทยไปโบกสะบัด สร้างแรงบันดาลใจจากการลุกขึ้นยืนใหม่หลายครั้งในชีวิต แต่ในวันนี้ ชีวิตนอกสังเวียนของฮีโร่ผู้นี้กำลังเผชิญหน้ากับ "มรสุมครั้งใหญ่" ที่หนักหน่วงและน่าใจหาย
“อำนาจ รื่นเริง” มีชื่อเล่นว่า "เพชร" เกิดเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2522 ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี อำนาจเติบโตมาในฐานะเด็กกำพร้า ที่ไม่มีทั้งพ่อและแม่คอยเลี้ยงดู มียายเป็นผู้ปกครองคอยดูแล
ปัญหาที่หนักกว่าการกำพร้าคือการที่อำนาจไม่มีหลักฐานรับรองการเกิดว่าเป็นคนไทย ไม่มีบัตรประชาชน ทำให้เขาขาดโอกาสพื้นฐานในชีวิต เขาไม่มีโอกาสได้เข้าเรียนหนังสือเหมือนเด็กคนอื่น ๆ ในวัยเดียวกัน
อำนาจต้องใช้ชีวิตในฐานะผู้ที่ไม่มีสัญชาติอยู่นานหลายปี จนกระทั่งเมื่อเขาอายุได้ 16 ปี จึงได้รับสัญชาติไทยในที่สุด ซึ่งเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการเปิดประตูสู่โอกาสในชีวิต
ด้วยสภาพชีวิตที่ยากจนและต้องดิ้นรน ทำให้ "เพชร" ในวัยเด็กต้องเลือกเส้นทางของการต่อสู้เพื่อหาเลี้ยงชีพ และนั่นคือการก้าวเข้าสู่วงการมวยไทย เขาเริ่มชกมวยไทยตั้งแต่อายุได้เพียง 7 ขวบ เท่านั้น โดยเริ่มใช้ชื่อว่า "โอม พรหมรังษี"
เขาเคยย้ายไปอยู่ค่ายใหญ่อย่าง ทิพย์ท่าไม้ ของนักมวยชื่อดังสามารถ พยัคฆ์อรุณ และเปลี่ยนมาใช้ชื่อว่า "โฮม ทิพย์ท่าไม้"
สุดท้ายได้มาซ้อมที่ค่าย ป.บูรพา และใช้ชื่อว่า "เพชร ต.บางแสน" หรือ "เพชร ป.บูรพา" ซึ่งเป็นชื่อที่สร้างความสำเร็จในวงการมวยไทย
อำนาจประสบความสำเร็จสูงสุดในมวยไทยด้วยการคว้าแชมป์รุ่นฟลายเวท (112 ปอนด์) ของสนามมวยเวทีลุมพินี อันเป็นเวทีที่ได้รับการยอมรับในระดับประเทศและนานาชาติ โดยเอาชนะ แดนสยาม เกียรติรุ่งโรจน์
ความสำเร็จนี้ทำให้ค่าตัวในการชกมวยไทยของเขาพุ่งสูงถึงหลักแสนต่อไฟต์ ซึ่งเป็นรายได้ที่มหาศาลสำหรับนักมวยในยุคนั้น
แม้จะถึงจุดสูงสุดในวงการมวยไทย แต่โชคชะตาและสภาพแวดล้อมกลับนำพาชีวิตของเขาไปสู่การพลิกผันครั้งใหญ่ เมื่ออำนาจตัดสินใจหนีออกจากบ้าน หนีออกจากค่ายมวย เริ่มใช้ชีวิตกับกลุ่มเพื่อน เที่ยวเล่นไปวัน ๆ สำมะเลเทเมา พัวพันกับยาเสพติด และก่อคดีวิ่งราวชิงทรัพย์ จนต้องรับโทษในเรือนจำ
นำไปสู่การปิดฉากชีวิตในฐานะนักมวยไทย และเป็นจุดเริ่มต้นของบทใหม่ในชีวิตการต่อสู้ในฐานะ นักมวยสากลสมัครเล่นในเรือนจำนั่นเอง
อำนาจเล่าว่า ในเรือนจำมีค่ายมวยสากลสมัครเล่น เขาได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่พาไปคัดตัวในการแข่งขันระดับจังหวัด คัดตัวชิงแชมป์ประเทศไทย อำนาจสามารถล้มทหารมาแล้วทุกเหล่าทัพ ทั้งทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ
เขายังบอกอีกว่า รู้สึกสนุก มีแต่ความสุข เพราะในคุกไม่มีแรงกดดัน มีแต่เพื่อน ผู้ต้องขังคนร้อยกว่าคนมาเชียร์เขา เพื่อนนักโทษทุกคนไม่ว่าจะต้องคดีอะไรต่างลงขันให้เขาคนละ 20-30 บาท รวมเป็นเงินเกือบ 8,000 บาท เพื่อให้เขาได้เดินต่อไปในเส้นทางนักมวยที่ถนัด
เมื่อถึงวันที่อำนาจได้เดินออกจากเรือนจำ เขาตั้งใจจะกลับเนื้อกลับตัว เขาบอกกับตัวเองว่า ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนก็อย่าทิ้งโอกาสนี้
หลังจากพ้นโทษ เขาสร้างชื่อเสียงในนามทีมชาติไทย อย่างรวดเร็วด้วยทักษะอันยอดเยี่ยม สามารถคว้าเหรียญทองซีเกมส์ 2 สมัย, เหรียญทองแดงเอเชียนเกมส์ปี 2553 และเป็นตัวแทนเข้าร่วมโอลิมปิกเกมส์ถึง 2 ครั้ง ในปี 2551 และ 2555
ในปี พ.ศ. 2557 "อำนาจ" ในชื่อ "อำนาจ เกษตรพัฒนา" ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเทิร์นโปรและคว้า แชมป์โลกที่ว่างของสหพันธ์มวยนานาชาติ (IBF) รุ่นฟลายเวท มาครองได้สำเร็จ เขาป้องกันแชมป์ไว้ได้ถึง 5 ครั้ง โดยมีไฟต์ประวัติศาสตร์ที่เอาชนะ โจว ซื่อหมิง อดีตคู่ปรับชาวจีนอย่างเอกฉันท์
สไตล์การชกของเขาถูกยกย่องว่าเป็นมวยเชิงฝีมือที่โดดเด่นด้าน ไหวพริบ การป้องกันตัว และการรอจังหวะสวนกลับ จนถูกเปรียบเทียบกับยอดมวยระดับโลกอย่าง ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ก่อนจะเสียแชมป์ในปี 2559 และประกาศแขวนนวมในปี 2565
แม้จะประสบความสำเร็จสูงสุดในอาชีพนักมวย แต่ชีวิตส่วนตัวของ "อำนาจ" กลับดำดิ่งตกต่ำลงเรื่อย ๆ เขาต้องเผญิชปัญหาครอบครัวแตกแยก และแยกทางกับภรรยาในปี 2568 ซึ่งได้กลายเป็นรอยร้าวใหญ่ที่นำไปสู่วิกฤตสุขภาพจิตที่รุนแรงของอำนาจ
ญาติสนิทเล่าว่า "อำนาจ" มีอาการเหม่อลอย นั่งพูดคนเดียว ร้องไห้ และคลุ้มคลั่ง จากความเครียดสะสมและปัญหาทางจิตเวชเดิมคือ โรคซึมเศร้า ที่ทวีความรุนแรงขึ้น เขามีภาวะหวาดระแวง และถึงขั้นหลอนว่า "มีคนจะมาฆ่า" จนไม่อาจแยกความจริงออกจากภาพในหัวได้
เมื่อหัวใจแตกสลาย ขวดเหล้ากลายเป็นที่พึ่งเดียว อำนาจดื่มเหล้าทุกวัน วันละ 5-6 ขวด เพราะอยากลืม และอยากหนีจากความจริง แต่ยิ่งดื่มหนักก็ยิ่งทำให้อาการทางจิตทรุดลง สุขภาพย่ำแย่ และควบคุมสติไม่ได้จนเกิดเหตุทะเลาะวิวาทซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเคยถูกจับกุมในคดีครอบครองอาวุธปืนหลังแยกทางกับภรรยา
ปัจจุบัน "อำนาจ รื่นเริง" อยู่ในสภาพที่น่าสลดใจ จำใครแทบไม่ได้ ไม่มีครอบครัวดูแล ไม่มีรายได้ และใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว
แม้ผู้ใหญ่ในวงการมวยอย่าง "เสี่ยโบ๊ต" ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ จะพยายามยื่นมือเข้าช่วยเหลือและพาไปบำบัดรักษาอาการทางจิตเวชที่โรงพยาบาล และจ่ายค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด แต่เมื่อได้กลับบ้าน เขาก็เลือกกลับไปหาขวดเหล้าอีกครั้งอย่างไม่ลังเล
"เสี่ยโบ๊ต” เคยวอนผ่านสื่อด้วยความสะเทือนใจว่า "อย่าเพิ่งไปซ้ำเติมเขาเลยครับ เขาเป็นคนป่วย เขาไม่ได้เลวร้าย เขาแค่ต้องการโอกาสอีกครั้ง" พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), สมาคมมวย และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เข้ามายื่นมือช่วยเหลือและนำตัวอดีตแชมป์โลกผู้นี้เข้ารับการรักษาอาการทางจิตอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2568 ด้วยฤทธิ์สุรา อำนาจได้สร้างเรื่องกลางเมืองศรีราชา เขาเมาคลั่งและอาละวาดหาเรื่องชายหนุ่มคนหนึ่ง จนสุดท้ายถูกสวนกลับจนล้มลงกับพื้น เหตุการณ์นี้จบลงที่การถูกตำรวจควบคุมตัว และถูกส่งตัวไปรับการดูแลที่โรงพยาบาลบ้านบึง ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่าเขาต้องการความช่วยเหลือด้านสุขภาพจิตอย่างเร่งด่วน
แต่ล่าสุด ในกลางดึกวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 ภาพอันน่าสลดใจของ "อำนาจ" ในวัย 46 ปี ก็ถูกฉายขึ้นอีกครั้ง เมื่อตำรวจได้รับแจ้งว่า "อำนาจ" นั่งดื่มเหล้าจนเมามาย อาละวาด ส่งเสียงเอะอะโวยวาย ด่าทอไปทั่ว เจ้าหน้าที่ได้พยายามเกลี้ยกล่อมแต่ไม่เป็นผล สุดท้ายต้องใช้กำลังเข้าควบคุมตัวอำนาจและนำส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย
ชาวบ้านในพื้นที่เล่าว่า อำนาจมักจะเมาเหล้าและก่อความรำคาญเป็นประจำ ทำให้ทุกคนหวาดกลัวและกังวลถึงความปลอดภัย
การจับกุมซ้ำแล้วซ้ำเล่านี้ตอกย้ำว่า ฮีโร่ผู้เคยชูธงชาติไทยกำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพื่อนำตัวไปบำบัดรักษาอาการทางจิตและอาการติดสุราอย่างจริงจัง
เรื่องราวของ "อำนาจ รื่นเริง" เป็นภาพสะท้อนที่น่าเศร้าของนักกีฬาที่ครั้งหนึ่งเคยขึ้นไปถึงจุดสูงสุด แต่สุดท้ายกับต้องความพังทลายอย่างโดดเดี่ยว
ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า จะมีใครหรือหน่วยงานไหนยื่นมือเข้าช่วยเหลืออดีตแชมป์โลกคนนี้อย่างไรบ้าง และเขาจะสามารถกอบกู้ชีวิตที่กำลังพังทลายให้กลับคืนมาได้หรือไม่
Advertisement