กรณีเมื่อวันที่ 1 ม.ค.64 ที่ผ่านมา พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ออกประกาศสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว ฉบับที่ 15 เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยสถานที่จะปิดมี 25 ประเภท ได้แก่
1.สถานบริการ ผับ บาร์ สถานบันเทิงและสถานประกอบการใดที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายสถานบริการ
2.สวนน้ำ สวนสนุก
3.สนามเด็กเล่น เครื่องเล่นสำหรับเด็กในตลาดตลาดน้ำ และตลาดนัด
4.โต๊ะสนุกเกอร์บิลเลียด
5.สถานที่เล่นตู้เกม
6.ร้านเกมและร้านอินเทอร์เน็ต
7.สนามชนไก่ และสนามซ้อมชนไก่
8.สถานรับเลี้ยงเด็ก หรือสถานดูแลผู้สูงอายุ
9.สนามมวย
10.โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้หรือยิม
11.สนามม้า
12.สถานประกอบกิจการอาบน้ำ
13.สถานประกอบกิจการอาบอบนวด
14.สนามแข่งขันทุกประเภท
15.สถานที่ให้บริการห้องจัดเลี้ยง สถานที่จัดเลี้ยง รวมถึงสถานที่อื่นใดที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน 16.สนามชนโค สนามกัดปลา หรือสนามแข่งขันอื่นในลักษณะทำนองเดียวกัน
17.สนามพระเครื่องศูนย์พระเครื่องโกรธ
18 . ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เด็กก่อนวัยเรียน
19.สถานเสริมความงาม (ไม่ได้รับอนุญาตเป็นคลินิกเวชกรรม) สถานที่สักหรือเจาะผิวหนังหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย
20.สถานที่ออกกำลังกายฟิตเนส
21.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพสปาและสถานประกอบการนวดแผนไทยนวดฝ่าเท้า
22.สนามฝึกซ้อมมวย โรงยิมหรือค่ายมวย
23.สถานที่เล่นโบว์ลิ่ง สเก็ตหรือโรลเลอร์เบลดหรือการละเล่นอื่นๆในทำนองเดียวกัน
24.สถาบันลีลาศหรือสอนลีลาศ
25.อาคารสถานที่ของโรงเรียน สถาบันกวดวิชาและสถาบันการศึกษาทุกประเภท โดยห้ามใช้เพื่อจัดการเรียนการสอนการสอบการฝึกอบรมหรือการทำกิจกรรมใดๆ ที่มีผู้เข้าร่วมจำนวนมากเว้นแต่เป็นการดำเนินการสื่อสารแบบทางไกลหรือด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
นอกจากนี้ยังกำหนดให้สถานที่ที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโดยเคร่งครัด อาทิ
1.ร้านอาหารหรือเครื่องดื่ม ร้านสะดวกซื้อ รถเข็นหาบเร่แผงลอย ภัตตาคาร ศูนย์อาหาร ศูนย์อาหารโรงอาหาร ซึ่งไม่รวมถึงสถานบริการ ผับ บาร์ห้ามการบริโภคสุรา หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในสถานที่ดังกล่าว
2.ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าและคอมมูนิตี้มอลล์
3.ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุมหรือสถานที่จัดนิทรรศการ
4.ห้องประชุมในโรงแรมหรือศูนย์ประชุม
5.ร้านค้าปลีกค้าส่งขนาดย่อม ร้านค้าปลีกค้าส่งชุมชน ตลาด ตลาดน้ำและตลาดนัด
6.ร้านค้าปลีกค้าส่งหรือตลาดค้าส่งขนาดใหญ่
7.ร้านเสริมสวยแต่งผมหรือตัดผมสำหรับบุรุษหรือสตรีให้เปิดดำเนินการโดยจำกัดเวลาการให้บริการในร้านไม่เกินรายละ 2 ชั่วโมง และต้องไม่มีผู้นั่งรอในร้าน
8.สถานรับเลี้ยงเด็กหรือสถานดูแลผู้สูงอายุ
9.คลินิคเวชกรรมเสริมความงาม ร้านทำเล็บ
10.สนามกอล์ฟและสนามฝึกซ้อมกอล์ฟ
11.สนามกีฬา
12 .สวนสาธารณะ ลานพื้นที่กิจกรรมสาธารณะ สถานที่ออกกำลังกาย สนามกีฬา ลานกีฬา
13.สถานที่ให้บริการดูแลรักษาสัตว์ สปา อาบน้ำ ตัดขน รับเลี้ยงหรือรับฝากสัตว์
14.สถานที่หรือสนามออกกำลังกายในร่ม
15.สระว่ายน้ำสาธารณะทั้งกลางแจ้งและในร่ม
16.ส่วนพฤกษชาติ สวนดอกไม้ พิพิธภัณฑ์ ศูนย์การเรียนรู้แหล่งประวัติศาสตร์ โบราณสถาณ ห้องสมุดสาธารณะและหอศิลป์
17.สนามเพื่อการเล่นกีฬาหรือกิจกรรมทางน้ำในบึง
18.โรงภาพยนตร์ โรงละคร โรงมหรสพ
19.สวนสัตว์หรือสถานที่จัดแสดงสัตว์
โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.64 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ยกเว้นโรงเรียน มีผลถึงวันที่ 17 ม.ค.64
ล่าสุดวันที่ 4 ม.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้ลงพื้นที่ไปยังสถานบันเทิง ผับบาร์ ย่านพระราม 9 (RCA) พบว่า บรรยากาศเงียบเหงา สถานบันเทิง ผับบาร์ปิดให้บริการ และยังไร้เงาเจ้าของร้าน พนักงาน และผู้ใช้บริการ นอกจากมีเพียงร้านอาหารบางร้านที่เปิดให้บริการ แต่ก็ไม่มีลูกค้ามาใช้บริการ พร้อมทั้งยังคงมีประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณแถวดังกล่าวสัญจรผ่านไปมา
นายกิตติภูมิ บุตรจินดา ผู้บริหารร้านแล็กซ์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ กทม. สั่งปิดสถานบันเทิงและผับบาร์ชั่วคราวนั้น ตนมองว่ากะทันหันเกินไป ตนเพิ่งทราบข่าวเมื่อวันที่ 2 ม.ค.64 ที่ผ่านมา จึงได้เรียกประชุมหารือกับพนักงาน เพื่อหาช่องทางให้ธุรกิจเดินไปต่อได้
โดยร้านของตนนั้นจดทะเบียนเป็นร้านอาหารและเครื่องดื่ม (Bar and Restaurant) จึงได้ตกลงกับพนักงานว่าจะยังคงเปิดร้านต่อไป แต่จะขายเพียงอาหารเท่านั้น ถึงแม้ว่าการเปิดขายอาหารจะไม่ได้กำไรเหมือนกับการขายแอลกอฮอล์ไปด้วย และบริเวณดังกล่าว ร้านเหล้าได้ปิดให้บริการชั่วคราว ทำให้เงียบเหงา ลูกค้าไม่มี ยอมรับว่าหลังจากที่เจ้าหน้าที่ กทม. สั่งให้ปิดสถานบันเทิง ผับบาร์ชั่วคราวนั้น ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะกระทบในเรื่องของการเก็บอาหาร เครื่องดื่ม ที่จะต้องยอมทิ้งไป เพราะของเน่าเสีย
และร้านเพิ่งมาเปิดให้บริการได้ 3 เดือน ถือว่ากำลังไปได้ดี กำไรเดือนละ 3-5 แสนบาท แต่ตอนนี้รายได้ลดลงไปอย่างมาก ตั้งแต่เปิดเป็นร้านอาหารยังไม่มีลูกค้ามาใช้บริการ ซึ่งร้านก็มีค่าใช้จ่ายต่อเดือน เดือนละ 9 แสน ถึง 1 ล้านบาท โดยจ่ายค่าเช่าที่ 1.3 แสนบาท ค่าจ้างพนักงาน 20 คน จำนวน 3 แสนบาท ที่เหลือค่าอาหาร เครื่องดื่ม และอื่น ๆ
นอกจากนี้หากยังไม่มีลูกค้ามาใช้บริการ ตนคงจะต้องปิดร้านไปก่อน เพราะสู้ค่าค่าเช่าที่ ค่าแรงพนักงานไม่ไหว ซึ่งได้คุยกับพนักงานแล้ว แต่ละคนก็ยินยอม ขณะนี้ขอสู้ไปก่อนยังไม่ยอมทิ้งพนักงาน ซึ่งได้หาทางออกให้พนักงานในร้าน มาทำงานวันละ 10 คนสลับกัน
นายกิตติภูมิ ยังเผยต่อว่า ก่อนหน้านี้ทางร้านได้มีมาตรการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของผู้มาใช้บริการ มีเจลแอลกอฮอล์ล้างมือบริการ ขณะที่ลูกค้ามานั่งรับประทานอาหาร หรือดื่มสังสรรค์นั้น มีการเว้นระยะห่าง และยังคงรักษามาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ตนและผู้ประกอบการรายอื่น จะหารือกันเพื่อไปพูดคุยกับผู้ปล่อยเช่าสถานที่ ให้ลดหย่อนค่าเช่าที่ ส่วนรัฐบาลนั้นตนอยากให้หาแนวทางช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการ อยากให้ผับบาร์สถานบันเทิงกลับมาเปิดอีกครั้ง เพื่อที่จะให้ธุรกิจเดินต่อไปได้
Advertisement