
วันที่ 31 ธ.ค. 68 ที่จ.นครราชสีมา นพ.วิชาญ คิดเห็น สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ได้โพสต์เตือนในเฟซบุ๊กเพจ “สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา” โดยระบุว่า “โคราชติดอันดับ 1 ของประเทศ ป่วยด้วยโรคไข้หูดับ”
ซึ่งข้อมูลจากกลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา รายงานว่า ระหว่างวันที่ 1 ม.ค.– 30 ธ.ค. 2568 พบผู้ป่วยด้วยโรคไข้หูดับสะสม จำนวน 93 ราย และเสียชีวิต 13 รายแล้ว
ซึ่งโรคนี้ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอกคัส ซูอิส (Streptococcus suis) อยู่ในทางเดินหายใจของหมูและเลือดของหมูที่กำลังป่วย สามารถติดต่อได้ 2 ทาง คือ 1.ทางการบริโภคเนื้อและเลือดหมูที่ปรุงแบบดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ 2.ทางการสัมผัสกับหมูที่ติดเชื้อทั้งเนื้อหมู เครื่องใน และเลือดหมูที่เป็นโรค โดยเชื้อจะเข้าทางบาดแผล รอยขีดข่วนตามร่างกายหรือทางเยื่อบุตา หรือการสัมผัสเลือดของหมูที่กำลังป่วย ทำให้หลังจากได้รับเชื้อประมาณ 1-14 วัน ผู้ป่วยจะมีไข้สูง ปวดศีรษะอย่างรุนแรง เวียนศีรษะจนทรงตัวไม่ได้ อาเจียน คอแข็ง
ปัจจุบันมีประชาชนบริโภคหมูดิบ หรือหมูที่สุกๆ ดิบๆ แล้วป่วยและตายจากโรคไข้หมูดิบ หรือไข้หูดับ และยังมีอาหารอื่นๆ ที่บริโภคแล้วมีความเสี่ยงสูงเช่นกัน ได้แก่ ลาบเลือดดิบ ก้อยดิบ แหนมหมูดิบ เป็นต้น ซึ่ง พ่อครัว แม่ครัว และผู้ปรุงอาหารที่มีบาดแผลแล้วไปสัมผัสเนื้อหมูหรือเลือดหมูดิบๆ ที่มีเชื้อก็เสี่ยงติดเชื้อโรคไข้หมูดิบได้เช่นกัน ดังนั้น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา จึงขอเน้นย้ำประชาชนในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2569 สามารถป้องกันได้ โดย
1. ไม่รับประทานเนื้อหมู เลือด เครื่องในดิบ หรือสุกๆดิบๆ
2. แยกการใช้อุปกรณ์ เช่น เขียง มีด สำหรับหั่นเนื้อหมูดิบและผัก
3. เลือกซื้อเนื้อหมูจากร้านที่ได้มาตรฐาน
4. หากรับประทานหมูกระทะ ให้แยกใช้ตะเกียบสำหรับคีบเนื้อหมูดิบและตะเกียบสำหรับคีบอาหารสุก
5. ผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับหมู หลังเสร็จกิจกรรม ควรรีบอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายทันที”
Advertisement