
วันที่ 29 ธันวาคม 2568 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศตลอดเส้นทางถนนหมายเลข 33 ตั้งแต่ช่วงรอยต่อมุ่งหน้าเข้าสู่ถนนสาย 348 วัฒนา–อรัญประเทศ–ตาพระยา พบว่ามีรถยนต์ของประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะรถกระบะทยอยสัญจรอย่างต่อเนื่อง ภายในรถและท้ายกระบะบรรทุกสัมภาระเครื่องใช้ไฟฟ้า เสื่อ หมอน เสื้อผ้า และสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีวิตอย่างแน่นขนัด เพื่อเตรียมกลับไปยังบ้านเรือนของตนเอง หลังต้องอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยมาเป็นเวลาหลายวัน
บรรยากาศโดยรวมเต็มไปด้วยทั้งความดีใจ ความโล่งใจ และความกังวลปะปนกัน บางครอบครัวเดินทางกลับพร้อมกันทั้งบ้าน ขณะที่บางรายเลือกให้ผู้ใหญ่กลับไปสำรวจบ้านก่อน ส่วนเด็กและผู้สูงอายุยังคงพักอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย รอให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติมากกว่านี้
หนึ่งในประชาชนที่เดินทางกลับบ้านคือ พี่จ๋อย อายุ 37 ปี ชาวอำเภอตาพระยา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าวันนี้เป็นวันแรกที่เจ้าหน้าที่อนุญาตให้สามารถเดินทางกลับเข้าบ้านได้ หลังจากต้องอพยพออกจากพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 8 ที่ผ่านมาและยังไม่เคยได้กลับเข้าไปดูบ้านของตนเองเลยตลอดระยะเวลากว่า 2 สัปดาห์
ช่วงที่อพยพออกมาต้องไปพักอยู่กับญาติและศูนย์พักพิงทำให้ใช้ชีวิตค่อนข้างลำบาก โดยเฉพาะเรื่องการทำงานและรายได้ เมื่อทราบข่าวว่าเจ้าหน้าที่เริ่มอนุญาตให้บางพื้นที่สามารถกลับเข้าไปได้จึงรีบขนข้าวของที่จำเป็นและเดินทางกลับทันที เพื่อไปตรวจสอบสภาพบ้านเรือนและทรัพย์สินว่าได้รับความเสียหายหรือไม่
“ดีใจมากที่ได้กลับบ้านถึงจะยังไม่100เปอร์เซ็นต์ แต่ก็อยากกลับไปดูบ้านดูว่าพังเสียหายแค่ไหนของหายไหม และจะได้เตรียมซ่อมแซม ถ้าเกิดมีคำสั่งให้อพยพอีกก็พร้อมทำตามเพราะความปลอดภัยสำคัญที่สุด” พี่จ๋อยกล่าว
ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงยังคงตั้งจุดตรวจและลาดตระเวนตามเส้นทางสำคัญ พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่เดินทางกลับเข้าพื้นที่ใช้ความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้พื้นที่เสี่ยงหรือจุดที่ยังไม่ได้รับการยืนยันความปลอดภัย รวมถึงขอความร่วมมือให้ติดตามประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิด หากมีเหตุจำเป็นหรือสถานการณ์เปลี่ยนแปลงจะมีการแจ้งเตือนและดำเนินการทันที
ทั้งนี้แม้หลายครอบครัวจะเริ่มได้กลับสู่บ้านของตนเองแต่ภาพของถนนที่เต็มไปด้วยรถขนสัมภาระ ยังสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากเหตุความไม่สงบที่ผ่านมา และความหวังของประชาชนที่ต้องการกลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในผืนแผ่นดินของตนอีกครั้ง
Advertisement