
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 22 ธ.ค.68 ที่ อาคาร AOB ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) มีกำหนดการประชุมร่วมกับ สถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และหน่วยงานด้านความมั่นคง ในประเด็นแผนเผชิญเหตุและมาตรการป้องกันอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) โดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งสร้างความไม่สบายใจให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก
นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า เมื่อกลางดึก ของวันที่ 22 ธ.ค. 2568 เราได้ทราบว่ามีโดรนจำนวนหนึ่ง บินเข้ามาใกล้เคียงกับพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ จึงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบส่งไปตรวจโดยรอบพื้นที่ ซึ่งได้ประสานงานกับฝ่ายรักษาความปลอดภัยของสนามบินสุวรรณภูมิเราซึ่งปรากฏว่า “มีโดรนเข้ามาอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง แต่ยังไม่ได้เข้ามาในเขตการบินแต่อย่างใด” ซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียงรั้วด้านนอกเท่านั้น
หลังจากนั้นได้มีการแจ้งไปยังผู้บังคับบัญชา โดยในคืนดังกล่าว ได้รับความสนับสนุนจากหน่วยความมั่นคง โดยผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้เดินทางมาเอง พร้อมกับกองทัพอากาศ ซึ่งในคืนแรก มีการบูรณาการติดตั้งเครื่องป้องกันภัยไม่ให้ดูล้ำเข้ามาในเขตการบิน และได้ประสานกับการทำงานกับศูนย์การบิน เนื่องจากสิ่งสำคัญของสนามบิน คือ การขึ้นลงของท่าอากาศยาน จะต้องปลอดภัย ดังนั้นการปฎิบัติต้องมีการปฏิบัติตามขั้นตอนสากลของสนามบินนานาชาติ
ต่อมาคืนที่ 2 ก็ยังพบว่ามีโดรนบินขึ้นมาอีกครั้ง แต่พิสูจน์ทราบพบว่ามีจำนวนน้อยกว่าวันแรก แต่เป็นที่โชคดีที่ วันที่ 2 เราได้มีกำลังเสริมจากกองทัพบกมา ดังนั้นในวันนี้ จึงขอเรียนให้น้องสื่อมวลชนให้ทราบว่า เรามีหน่วยหน่วยความมั่นคงทั้งหมด 3 หน่วย ได้แก่ กองทัพบก กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เข้ามาช่วยเรื่องการมอนิเตอร์โดรน ที่กำลังจะเข้ามาในพื้นที่ โดยทั้ง 3 หน่วยได้ประชุมหารือร่วมกัน ก่อนจะแบ่งพื้นที่ต่างๆเพื่อดูแลอย่างทั่วถึง
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมสภามั่นคงเป็นวาระด่วน ที่มีมติให้ท่าอากาศยานไทย ให้เร่งดำเนินการจัดหาอุปกรณ์ ที่ใช้สำหรับเฝ้าระวังและสะกัดกั้น ให้ทันสมัยที่สุด เพื่อพร้อมที่จะรองรับภายในในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาซักระยะหนึ่ง โดยในระหว่างที่จัดหานั้น เราจะใช้การสนับสนุนจากหน่วยความมั่นคงไปก่อน
ทั้งนี้หากใครที่ยังคงฝ่าฝืนบินโดรนเข้ามาในพื้นที่ของสนามบินจะมีโทษสูงสุด คือ จำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต ดังนั้นผู้ที่คิดจะทำการใดใดในพื้นที่สนามบิน ที่เป็นเขตความมั่นคงสูงสุด ก็จะได้รับโทษสูงสุดตามกฎหมาย
ดังนั้น ขอเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัย สำหรับผู้ที่มาใช้บริการ ขอให้มั่นใจได้ว่า เรามีมาตรการและมาตรฐานในการป้องกันและปรับปราม ไม่ให้โดรนเข้ามาในเขตพื้นที่การบินอย่างแน่นอน เชื่อว่า ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อความใจของนักท่องเที่ยว
ขณะที่ นาวาอากาศเอก ชนันนัทธ์ รอดกุล ผอ.ฝ่ายรักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า ทั้ง 2 วัน สังเกตเห็นว่า โดรนได้บินเฉี่ยวด้าน ทิศตะวันออกของสนามบินสุวรรณภูมิเป็นหลัก โดยใช้แนวรั้วจากด้านที่ติดกับคลองส่งน้ำ และล้ำเข้ามาบ้างในเขตพื้นที่แถวๆ เขตระวังความปลอดภัยด้านการบิน
แต่ส่วนของเมื่อวานก็มีขึ้นมาเหมือนกัน แต่ว่าแอนตี้โดรนจับได้ แต่ไม่สามารถระบุทิศทางได้เพราะห่างจากสนามบินพอสมควร แต่เมื่อมองด้วยสายตาเรามองเห็นว่ามีประมาณ 1-2 ลำ บินสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน ซึ่งตามที่เห็นด้วยสายตาคือประมาณ 1-2 ลำ แต่มากกว่านั้นอาจจะเป็นลักษณะคือลงแล้วตัวอื่นขึ้นแทน ซึ่งก็เป็นระยะกายภาพของโดรนที่สามารถบินได้ 10-20 นาที
ด้าน พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 กล่าวว่า ในส่วนของตำรวจภูธรภาค 1 พื้นที่ที่ได้รับผิดชอบคือ สภ. สุวรรณภูมิ หลังจากเราได้ทราบ ก็เดินทางด้วยตัวเอง วันนี้จึงมีการประชุมหารือร่วมกันทั้งหมด รวมถึงหารือเรื่องแผนเผชิญเหตุต่างๆด้วย โดยเราได้รับการสนับสนุนเครื่องมือในการปฎิบัติหน้าที่จากหน่วยความมั่นคง พร้อมทำงานร่วมกันเพื่อสกัดกั้นโดรน ที่กำลังจะลุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ในฝั่งของตำรวจเราตั้งจุดตรวจ จุดสะกัด 3 รอบนอก ทุกจุดทางเข้า-ออก มาตรการในการตรวจค้นป้องกัน เพื่อไม่ให้ผู้ที่ประสงค์ร้ายเดินทางเข้ามา และนอกจากนี้เรายังปฏิบัติการเชิงรุก ได้สำรวจบุคคลที่จดทะเบียนและครอบครองโดรน รวมทั้งให้ตรวจสอบร้านค้าต่างๆที่คิดว่าจะขายอุปกรณ์ที่เสริมภารกิจนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีชาวบ้านให้ข้อมูลมาว่าตรวจพบโดรนบินอยู่เหนือท้องฟ้าใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ กว่า 40 ลำนั้น ไม่เป็นความจริงเพราะว่าจากการตรวจพบมีเพียงแค่ 2 ลำเท่านั้น
Advertisement