
วันที่ 22 ธ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้เป็นเวลา 16 วัน ซึ่งถือว่าเป็นการปะทะที่ยาวกว่าครั้งที่ผ่านมาจนผู้อพยพเกิดความกังวลว่าจะสงบลงเมื่อไหร่
จนกระทั่งสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลงไปหลังจากทหารไทยสามารถยึดเนิน 350 ได้เสียงปืนเกิดจากการปะทะที่ดังสนั่นในห้วงที่ผ่านมาเริ่มเงียบลง
ล่าสุดจังหวัดบุรีรัมย์ ได้เริ่มอนุญาตให้ผู้อพยพกลับไปตรวจสอบบ้านเรือนได้เฉพาะพื้นที่ที่ผ่านการประเมินแล้วว่าไม่เสี่ยง โดยยังคงย้ำมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
จากการลงพื้นที่ศูนย์พักพิงผู้อพยพในจังหวัดบุรีรัมย์พบว่าจำนวนผู้อพยพเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัดจากเดิมที่มีประชาชนอพยพเข้าพักกว่า 10,000 คน ขณะนี้มีผู้อพยพบางส่วนทยอยกลับบ้านเพื่อดูแลทรัพย์สินสัตว์เลี้ยง และทำความสะอาดบ้านเรือนภายใต้การประสานงานและการดูแลของเจ้าหน้าที่
นางสาวนิตยกุล คุ้มสุวรรณ อายุ 45 ปี ชาวตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้อพยพในพื้นที่เสี่ยง เปิดเผยว่า หลังผ่านมากว่า 2 สัปดาห์ เริ่มรู้สึกเป็นห่วงบ้าน และทรัพย์สินรวมถึงเป็นห่วงทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน โดยเฉพาะเมื่อทราบข่าวการสูญเสียกำลังพล รู้สึกสงสารครอบครัวของทหารผู้เสียสละเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามการอยู่ในศูนย์พักพิงยังสามารถอยู่ได้เนื่องจากทุกหน่วยงานดูแลเป็นอย่างดี เพียงแต่อยากให้สถานการณ์ยุติโดยเร็วพร้อมยืนยันว่าพร้อมอดทน เพื่อให้ทหารแนวหน้าได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพราะทหารต้องเผชิญความเสี่ยงมากกว่าประชาชนหลายเท่า
นางระเบียบ ฟูแสง อายุ 58 ปี ชาวบ้านที่อพยพ มาจาก ต.ปราสาท อ.บ้านกรวด บอกว่า ตอนนี้เครียด อยากกลับบ้าน แต่ทำไงได้เราก็ต้องอดทนอยู่เพื่อความปลอดภัยของเรา และครอบครัวถามว่ารู้สึกอย่างไรกับสถาณการณ์ “แค้นฮุนเซน” แค้นมากอยากจะลุยเองเลยถ้าเขาเรียกกองหนุนเพราะตนเองก็เรียนรด.ปี 5 มาก็จะพร้อมถือปืนไปลุยจะไปยิงปากฮุนเซนเลยอยากให้มันจบๆไวๆ
ด้านนายปิยะ ปิจนำ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า จังหวัดได้ประสานงานร่วมกับฝ่ายทหารและฝ่ายปกครองประเมินสถานการณ์ในพื้นที่เป็นรายวัน โดยพื้นที่ที่สถานการณ์เริ่มเบาบางลงเช่นอำเภอละหานทราย อำเภอประโคนชัย และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ อนุญาตให้ประชาชนกลับเข้าไปตรวจสอบบ้านเรือนได้เป็นการชั่วคราว หากสถานการณ์กลับมารุนแรง จะสามารถอพยพกลับเข้าศูนย์พักพิงได้ทันที ซึ่งจังหวัดมีแผนรองรับไว้แล้ว
อย่างไรก็ตามผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ย้ำว่าพื้นที่ที่ยังมีความเสี่ยงสูงจะยังไม่อนุญาตให้ประชาชนเข้าไปโดยเด็ดขาดโดยเฉพาะพื้นที่อำเภอบ้านกรวดเช่นตำบลจันทบเพชรและตำบลสายตะกูซึ่งยังมีเหตุปะทะเกิดขึ้นเป็นระยะเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นสำคัญ
จังหวัดบุรีรัมย์ ยังคงยืนยันดูแลผู้อพยพที่ยังพักอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงอย่างต่อเนื่อง พร้อมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ
Advertisement