
วันที่ 21 พ.ย. 68 น.ส.อัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาด “โรคหัด” ในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศชายแดนเพื่อนบ้านพบมีการระบาดเพิ่มขึ้นนั้น ในส่วนของสถานการณ์ โรคหัดในประเทศไทย พบว่าปี 2568 มีรายงานผู้ป่วยไข้ออกผื่นที่สงสัยหัด หรือหัดเยอรมัน สะสม 1,928 ราย ซึ่ง 1 ใน 4 ผู้ป่วยโรคหัด มีความเชื่อมโยงทางระบาดวิทยา จำนวน 511 ราย หรือ 26.5% มีภาวะปอดอักเสบ 23 ราย หรือ 4.5%
โดยในเดือน ก.ย.-ต.ค. 68 พบรายงานผู้ป่วยสงสัยโรคหัดจำนวน 46 ราย พบได้ทั้งในเด็กเล็ก เด็กโต และผู้ใหญ่ ซึ่งพบประปรายในจังหวัดระยอง พิษณุโลก หนองคาย อำนาจเจริญ นครปฐม นครศรีธรรมราช ยะลา นราธิวาส และสงขลา
นอกจากนี้ ยังพบผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นทางภาคเหนือ คือ จ.เชียงราย พบผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อนในโรงพยาบาลและชุมชน ผู้ป่วยส่วนหนึ่งมีความเชื่อมโยงกับการระบาดของโรคหัดในแขวงบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และมีผู้ป่วยจาก สปป.ลาว เข้ารับการรักษาในเชียงราย
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีมาตรการเรื่องวัคซีนเพื่อควบคุมการระบาด ซึ่งโรคหัดเกิดขึ้นได้ทุกพื้นที่ ถ้าเมื่อไหร่การครอบคลุมเรื่องวัคซีนต่ำกว่าเกณฑ์ สำหรับเกณฑ์การให้วัคซีนป้องกันหัด-คางทูม -หัดเยอรมันในเด็กนั้น จะต้องครอบคลุมมากกว่าร้อยละ 95 ถึงจะครอบคลุมได้ ขณะนี้ จังหวัดที่มีการครอบคลุมวัคซีนไม่ถึงเกณฑ์มีมากกว่าครึ่งหนึ่ง ขอย้ำเตือนประชาชน พ่อแม่ ผู้ปกครองพาบุตรหลานเข้ารับวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน
สำหรับคำแนะนำประชาชนป้องกันโรคหัด มีดังนี้
1.นำเด็กเข้ารับวัคซีนรวมป้องกันโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน (MMR) ตามเกณฑ์ที่กำหนด สำหรับพื้นที่ที่ไม่มีการระบาด แพทย์อาจพิจารณาให้เข็มแรกในช่วงอายุ 9-12 เดือน หากเด้กยังรับวัคซีนไม่ครบ 2 เข็ม ขอให้ผู้ปกครองพาเข้ารับวัคซีนให้ครบโดยเร็วที่สุด
2.หลีกเลี่ยงสถานที่คนพลุกพล่านในพื้นที่ระบาด สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ และเว้นระยะห่างจากผู้อื่น
3.สำหรับผู้ที่ต้องเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาดของโรคหัด และไม่เคยรับวัคซีน ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดและหัดเยอรมัน ให้ครบ 2 เข็ม หรืออย่างน้อย 1 เข็ม ก่อนการเดินทางอย่างน้อย 2 สัปดาห์
4.กรณีเดินทางกลับจากประเทศที่มีการระบาดของโรค เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร เนเธอแลนด์ ออสเตรเลีย เวียดนาม กัมพูชา ฟิลิปปินส์ สปป.ลาว (ข้อมูล ณ วันที่ 6 พ.ย.68) ให้สังเกตอาการผิดปกติ เช่น มีไข้ ผื่น ตาแดง น้ำมูกไหล มีจุดขาวเล็กๆ ขอบสีแดงในกระพุ้งแก้ม ควรรีบพบแพทย์ทันที พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง และสวมหน้ากากอนามัยหากมีอาการป่วย เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ เนื่องจากโรคนี้ค่อนข้างแพร่เร็ว ใน airborne
Advertisement