
วันที่ 9 พ.ย.2568 อาจารย์สกล เกลี้ยงประเสริฐ หรือโค้ชสกล ทีมฟุตบอล โรงเรียนหมอนทองวิทยา ให้สัมภาษณ์อัมรินทร์ออนไลน์ ถึงความเป็นมารถขนฝัน ว่า สมัยที่อยู่โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี โรงเรียนมีรถแบบนี้อยู่หนึ่งคันซึ่งเป็นรถทางราชการ โดยตนเป็นคนขับไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด แต่เมื่อเกษียณราชการที่นั่นแล้วไม่สามารถนำรถมาด้วยได้ อย่างไรก็ตามหลังจากมาอยู่ที่โรงเรียนหมอนทองวิทยา จึงหาช่องทางว่าจะหารถในลักษณะแบบนี้ได้อย่างไร เพราะสมัยที่อยู่โรงเรียดังกล่าว รถมีความปลอดภัย ค่าใช้จ่ายไม่สูง น้ำมันเติมเท่ากับรถบิ๊กอัพ แต่สามารถบรรทุกได้มากกว่า ซึ่งหลังจากนั้นปรากฏว่ามีคนโทรศัพท์สอบถามตนว่า อยากได้รถหรือไม่ ซึ่งตนก็บอกว่าอยากได้แต่ราคาต้องไม่สูง ตนยอมขายรถตู้เก่า 2 คัน ได้เงินมา 6-7 หมื่นบาท โดยตอนนั้นเจ้าของรถคนเก่าเขาบอกว่าไม่สบาย ขับรถต่อไม่ได้ แล้วหากตนให้เงินซื้อขายเท่าไหร่ก็เอา ตนได้ซื้อรถไปประมาณ 7 หมื่นบาท
ทั้งนี้ตนใช้รถมาแล้วประมาณ 2 ปีกว่าและใช้งานมาโดยตลอด โดยเจ้าของรถคนเก่าเพิ่งมาเสียชีวิตก่อนที่เราจะเดินทางไปแข่งขันในนัดชิงกับโรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครราชสีมา
และรถคันดังกล่าวนี้เจ้าของเก่าเขารักมาก ใช้มาตั้งแต่สมัยเป็นหนุ่มๆ ส่วนจะมีการปลดระวางรถหรือไม่นั้น สำหรับตนคงยาก แม้ไปบวชยังตามไปที่วัด โดยทางผู้ปกครอง ญาติโยม แนะนำให้สึกเพราะเด็กกำลังมีปัญหา หากไม่สึกออกมาอาจจะแย่เอา ซึ่งทำให้ตนตัดสินใจสึกออกมาแม้ความจริงอยากจะบวชก็ตาม
“นิสัยส่วนตัวของตน เหมือนการรักเดียวใจเดียวจะไม่ยอมเปลี่ยนอะไรง่ายๆ จนกว่าเราจะใช้มันไม่ได้จริงๆ ถึงแม้จะมีข้อเสนอให้รถราคา 4-5 ล้านบาท ผมขอขอบคุณ แต่ตอนนี้ยังไม่เปลี่ยนใจ”
ส่วนที่ผ่านมารถคันนี้เคยเกเร เคยเสียกลางทางหรือไม่ อาจารย์สกล ระบุว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งที่กำลังเลี้ยวเข้ามาที่ถนนโรงเรียน ปรากฏว่า รถดับโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งเด็กๆ ร่วมแรงเข็นมาจนเกือบถึงโรงเรียน ซึ่งปรากฏว่าน้ำมันเครื่องแห้ง ลูกสูบติด เด็กๆ เขสพยายามช่วยดัน ช่วยกันเข็นจนถึงที่หมายทำให้สามารถฝึกซ้อมได้ แต่เรื่องพาเด็กเด็กไปแข่งขันในแมตช์สำคัญไม่มีเกเร ไม่มีดับกลางทาง ทั้งยังมีประโยชน์เนื่องจากรถสูง เมื่อมีการแข่งขันจอดไว้ข้างสนามสามารถที่จะขึ้นไปบนหลังคาแล้วไลฟ์สดให้ประชาชนได้รับชมได้อีกด้วย ทั้งนี้แม้ในอนาคตมีคันใหม่แล้ว แต่รถคันนี้ต้องมีการอนุรักษ์ไว้ ให้สมกับเจ้าของเดิมที่เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาเราไม่รู้ว่าเขาคิดหรือมองเราอย่างไร แต่ยืนยันว่าไม่ขาย โดยก่อนหน้านี้บริษัทอีซูซุ ติดต่อมาเพื่อขอซ่อมรถให้ ซึ่งตนหาเล่มทะเบีบนรถ หายังไงก็หาไม่เจอ ถึงขั้นอธิษฐานจิตถึงเจ้าของรถคันเดิม เพื่อบอกกล่าวว่า ไม่ได้เอาไปขาย แต่มีคนต้องการซ่อมให้ เมื่อกลับเข้าไปในห้องกลับเจอเล่มทะเบียนรถ ซึ่งรถคันเดียวสามารถทำให้ชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงไปได้เลย
ส่วนที่บอกว่ารถขนฝันต้องขนขยะกลับบ้านนั้น ตนหมายถึงขยะทุกชิ้นที่เรากินกัน แล้วจะต้องนำกลับขึ้นรถ จะนำไปทิ้งที่สนามกีฬาไม่ได้ ไม่ใช่เมื่อนักกีฬาลงมาจากรถแล้วขยะเกลื่อน และความจริงขยะมีอยู่เต็มรถเนื่องจากเด็กๆ กินและทิ้งไว้บนรถ ซึ่งในพื้นที่เราเคยทำอย่างไร เราก็ต้องทำแบบนั้น หรือแม้แต่บนอัฒจันทร์ก็ต้องเก็บขยะใส่ถุงดำด้วย เผื่อนำกลับมาเผาทำลาย
Advertisement