
(8 พ.ย. 2568) ชาวนาหลายหมู่บ้านใน ต.หนองตาด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ กำลังประสบปัญหาเดือดร้อนหนัก จากผลกระทบอิทธิพลพายุ "คัลแมกี" มีฝนตกหนักและลมกระโชกแรง ทำให้ต้นข้าวที่ออกรวงสุกแก่เต็มที่ครบกำหนดเก็บเกี่ยวแล้ว ถูกลมพายุพัดล้มเกือบทุกแปลง และรวงข้าวจมน้ำที่ท่วมขังตามทุ่งนา รถเกี่ยวยังไม่สามารถลงเกี่ยวได้เพราะมีน้ำขัง ประกอบกับช่วงนี้ยังมีฝนตกต่อเนื่อง หากเกี่ยวไปแล้วก็ไม่มีสถานที่ตาก หากนำไปตากตามริมถนนและลานโล่งในหมู่บ้าน ก็ต้องโดนฝนตกใส่เปียกชื้นไม่แตกต่างกัน ตอนนี้ชาวนาทำอะไรไม่ได้ต้องทำใจยอมรับสภาพและภาวนาให้ฝนหยุดเร็วๆ เพื่อจะได้เก็บเกี่ยวข้าว เพราะหากรวงข้าวแช่น้ำติดต่อกันหลายวันก็จะเน่าเสียหาย จากภัยพิบัติดังกล่าวชาวนาก็อยากเรียกร้องให้รัฐบาล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบผลกระทบความเดือดร้อนเสียหายของชาวนา เพื่อให้ความช่วยเหลือเยียวยาด้วย เพราะผลผลิตข้าวเป็นความหวังเดียว ปีละครั้งของชาวนา ทั้งเก็บไว้บริโภคและแบ่งขายเลี้ยงครอบครัว
นายธวัชชัย ชาวนาบ้านโคกวัด ต.หนองตาด บอกว่า ตอนนี้เดือดร้อนมากเพราะข้าวที่สุกแกเต็มที่ครบกำหนดเก็บเกี่ยวแล้ว เจอพายุทำให้ต้นข้าวล้มเกือบทุกแปลงรวงข้าวก็แช่น้ำที่ขังในทุ่งนา หากฝนไม่หยุดตกหรือน้ำไม่ลดลง ก็ยังไม่สามารถเกี่ยวข้าวได้ เพราะถึงเกี่ยวไปก็ไม่มีที่ตากข้าวก็เปียกชื้นอยู่ดี แต่หากต้นข้าวที่ล้มและรวงข้าวแช่น้ำหลายวันก็จะเน่าเสียหายอีก ไม่รู้จะทำยังไงได้แต่ยอมรับสภาพและภาวนาให้ฝนหยุดตกเร็วๆ จะได้เกี่ยวข้าว เพราะผลผลิตข้าวเป็นความหวังเดียวและปีละครั้งของชาวนา ทั้งเก็บไว้บริโภค แบ่งขายเลี้ยงครอบครัว และขายใช้หนี้ ธกส. แต่หากผลผลิตเสียหายก็ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนไปใช้หนี้ ก็อยากให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือเยียวยาด้วย เพราะถือเป็นภัยธรรมชาติที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ด้าน นายทองคูณ ชาวนาในตำบลหนองตาดอีกคน บอกว่า ทำนาทั้งหมดกว่า 10 ไร่ เกี่ยวไปแล้วประมาณ 2 ไร่ แต่พอฝนตกติดต่อกันสองวันและมีลมกระโชกแรง ทำให้ต้นข้าวที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวล้มและรวงแช่น้ำ ซึ่งหากฝนหยุดก็สามารถเกี่ยวขึ้นไปตากลดความชื้นได้ แต่ถ้าฝนไม่หยุดและรวงข้าวแช่น้ำหลายวันก็จะเน่าเสียหาย ซึ่งหากผลผลิตเสียหายก็อยากให้รัฐชดเชยเยียวยาด้วย เพราะเดือดร้อนต้องลงทุนทั้งค่าไถ ปุ๋ย และเมล็ดพันธุ์ แต่พอถึงช่วงเก็บเกี่ยวกลับถูกพายุเสียหาย
Advertisement