
(2 พ.ย. 2568) เวลา 15.00 น. ร.ต.อ.ณัฐวัตร ลัดดาวัลย์ รองสวป.สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุผัวเมาถือปืนไปง้อเมียที่แยกทางกันมาประมาณ 3-4 ปี แต่เมียไม่ยอมคืนดีเกรงว่าจะได้รับอันตราย โดยเหตุเกิดบ้านพัก หมู่ 10 บ้านดอนภู่ ต.หนองนาคำ จึงนำกำลังสายตรวจ 191 ตำรวจชุมชน ต.หนองนาคำ พร้อมด้วย นายศรนรินทร์ วงศ์อนุ สจ.อุดรธานี เขต 6 รุดไปตรวจสอบ โดยมีเพื่อนบ้านถ่ายคลิปตอนผัวอาละวาดเมีย
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว 2 หลัง เปิดเป็นร้านขายของชำพบ นางพิสมัย อายุ 59 ปี เจ้าของบ้านให้ข้อมูลว่า นายประยงค์ อายุ 62 ปี อดีตพนง.ขับรถเทศบาลนครอุดรธานี ซึ่งเป็นอดีตสามีมีลูกด้วยกัน 3 คนแต่แยกทางกันแล้ว 3-4 ปี เพราะว่านายประยงค์เป็นคนเจ้าชู้ มีเมียน้อยจำนวนมาก จึงได้แยกทางกัน นายประยงค์ ไปอยู่บ้านอีกหลังอยู่ข้างในหมู่บ้านหนองใส ต.หนองนาคำซึ่งมีบ้านอยู่ 2 หลัง ส่วนตนอยู่บ้านหลังนี้กับลูกแต่ยังไม่ได้จดทะเบียนหย่า วันนี้นายประยงค์เมาแล้วถือปืนมาข่มขู่จะมาขอคืนดีจะกลับมาอยู่บ้านด้วย แต่ตนไม่ยอม ไม่ขอคืนดี นายประยงค์ จึงได้เอาปืนมาข่มขู่ตนจึงแจ้งตำรวจ
นายประยงค์ ยอมรับว่าตนไปดื่มเหล้าในงานบุญที่วัดบ้านดอนภู่จึงมีอาการมึนเมา ตนเคยเป็นพนักงานขับรถที่เทศบาลนครอุดรธานี ยอมรับว่าเป็นคนเจ้าชู้ไม่ได้มีเมียน้อยแต่ตนมีแค่กิ๊ก เทศบาลนครอุดรธานี มี 52 ชุมชน ตนก็มีกิ๊กทั้ง 52 ชุมชน ถ้ามี 100 ชุมชน ตนก็จะมีกิ๊ก 100 คน แต่ตอนนี้เขาเลิกไปหมดแล้ว ล่าสุดตนขอแยกทางกับเมียไปอยู่กับกิ๊ก 4 ปี และวันนี้จะขอกลับมาอยู่กับครอบครัว อยู่กับลูกกับเมีย แต่เมียไม่ยอมคืนดี เขาให้ตนไปนอนอยู่ริมถนน เขาบอกว่าจะเอาตนกลับคืนมาทำไม เขาพูดเหมือนตนเป็นหมาจะเอามาทำไม คนชั่ว ตนเห็นปืนวางอยู่ไม่รู้ว่าปืนใครจึงถือปืนมาขู่เมียเท่านั้น ไม่ได้ยิงหรือทำร้าย
นางพิสมัย เล่าว่า ตอนนายประยงค์ออกไปอยู่กับเมียใหม่ก็ขอโอกาส 4 ปี เกษียณจะกลับมาขออยู่ด้วยและนายประยงค์ก็กลับมาจริงๆ แต่ตนให้โอกาศทดลองอยู่ก่อน 3 เดือน แต่มีเงื่อนไขว่าต่างคนต่างอยู่มีข้อแม้ว่า 1.ไม่ทำอาหารให้กินถ้าหิวให้ไปหาทำกินเอง 2.ไม่ซักผ้าให้นายประยงค์ก็อยู่ได้แค่ 3 วันก็หนีไป 3-4 วัน ก็กลับมาเมาอาละวาด อ้างว่าบ้านกูพอตนออกไปดูหมอลำกับลูกหลานไม่ได้ไปกับชู้หรือผู้ชายตามที่ถูกกล่าวหาพอกลับมาบ้านก็โดนด่าว่า ถ้าไม่อยากอยู่บ้านก็จะเอาไฟเผาทิ้ง เมื่อทำตามข้อตกลงไม่ได้ก็ต่างคนต่างอยู่ หรือหากจะหย่าก็พร้อมที่จะหย่าแต่จะแบ่งบ้านคนละ 2 หลัง และตนจะอยู่บ้านสองหลังนี้
นางพิสมัย เล่าอีกว่า วันนี้ไปทำบุญทอดกฐินที่วัดกลับมาก็มาพบอดีตสามีเมานอนอยู่นอกบ้าน จึงถามว่าทำไมมานอนที่นี่ใครพามา พูดแค่นี้ก็โวยวายอาละวาดว่าบ้านกู ตนก็เลยหนีเข้าไปอยู่ในบ้านเพราะกลัวไม่เคยโวยวาย หรือตอบโต้ ไม่เคยเอาเรื่อง ถ้าจะหย่าก็ยินดี แต่เขาจะแบ่งครึ่งบ้านสองหลังนี้ไม่ได้ ตนไม่ให้บ้านสองหลังนี้ ตนจะอยู่กับลูก ให้เขาไปอยู่ที่บ้านหนองใสซึ่งมีบ้าน 2 หลังเท่ากันจึงทำให้ตกลงกันไม่ได้
"จะไม่คืนดีเพราะมาทุกครั้งจะโวยวายจะฆ่าจะแกงหาว่ามีชู้จึงไม่เอาผัวคืน ทั้งที่ตัวเองทิ้งเมียกับลูกไปอยู่กับเมียน้อยนาน 4 ปี แต่พอจะกลับมาขอเมียคืนดีก็ต้องคลานมาจากบ้านที่หนองใส แม้จะไกลแค่ไหนก็ต้องคลานมา 10 กม. ก็ต้องทำแต่นี่มาขอคืนดีกับเมียกลับมาด่าอีชั่วอีสันดานอีชาติหมาอีสมองควาย มึงมีชู้ เชื่อฟังคนอื่นพูดแบบนี้หรือจะมาคืนดีกับเมีย"
ขณะที่เพื่อนบ้านและเห็นเหตุการณ์เล่าว่า ตนกลับมาจากทำบุญที่วัดได้ไปส่งแม่ที่บ้าน เดินกลับมาจะมาเอากระเป๋าอยู่หน้ารถยายพิสมัย มาถึงคุณตาประยงค์ก็โวยวายเดินด่าไปเรื่อยๆ แล้วก็ไปหยิบเอาปืนสั้นมาถีบประตูรั้วบ้าน ตนไม่รู้ว่าเป็นปืนจริงหรือปลอม จึงบอกให้น้องถ่ายคลิปไว้แล้วตนก็โทรแจ้งลูกสาวยายพิสมัย และโทรแจ้งตำรวจ ซึ่งคุณตามาอาละวาดบ่อย แม่ตนเคยเข้าไปห้ามทำให้ถูกลูกหลงจนปากแตก
ทางด้าน นายศรนรินทร์ วงศ์อนุ สจ.อุดรธานี เขต 6 เล่าว่า ตนได้รับแจ้งว่าผัวอาละวาดเมีย มีอาวุธปืน แต่คล้ายปืนจริง เพราะมีน้ำหนักแต่มีสภาพเก่า โดยรอบแรกเมียเคยแจ้งตนว่าผัวมาอาละวาดตอนกลางคืนไม่ได้หลับได้นอน ซึ่งมันดึกมากแล้วจึงบอกให้เมียแจ้งตำรวจ วันนี้ก็ได้รับแจ้งจากตำรวจให้มาดูเหตุทะเลาะวิวาทเป็นเรื่องผัวเมียเลิกรากันหลายปีแล้วแต่ยังไม่ได้จดทะเบียนหย่า ผัวอยากได้สมบัติคืนแต่เมียไม่ยินยอม จึงจะขอหย่าและแบ่งสมบัติ แต่เมียไม่ยอมให้จะเป็นเหตุคาราคาซังเช่นนี้ตลอดถ้าไม่มีการแก้ไข
ตำรวจได้ควบคุมตัว นายประยงค์ ขึ้นรถตราโล่ไปที่โรงพักจึงได้บอกเมียว่าขอบคุณเมียที่เอาตำรวจมาจับตนเอง จึงแจ้งข้อหาเมาเหล้าประพฤติตนวุ่นวาย ควบคุมตัวและอาวุธปืนสั้นไปสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก ส่วนอาวุธปืนสั้นตำรวจจะตรวจสอบว่ายังใช้การได้หรือไม่ เพื่อให้พนักงานสอบสวนพิจารณาดำเนินการต่อไป ซึ่งนายประยงค์ได้ยกมือไหว้นางพิสมัยขอบคุณที่แจ้งตำรวจมาจับ
Advertisement