
(30 ต.ค. 2568) ที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นายวีระ สมความคิด กล่าวว่า วันนี้ตนมาดูสถานที่บ้านหนองจาน เรายังเข้ามาได้ถึงหน้าจุดนี้ สำหรับประชาชนที่จะเดินทางมาร่วมกันเอาแผ่นดินไทยคืน สามารถเดินทางมาได้และปลอดภัย
พร้อมย้ำว่าพรุ่งนี้เราจะมาเอาเมาแผ่นดินคืน เหตุผลความชอบธรรมของคนไทย และคนบ้านหนองจาน ต้องเข้าใจว่าทุกตารางนิ้วไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่งแต่เป็นของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ว่าคุณจะอยู่จังหวัดไหน มีสิทธิ์เป็นเจ้าของ ตราบใดที่ที่ดินตรงนั้นไม่มีการออกโฉนด ถือเป็นที่ดินของรัฐทั้งสิ้น
ซึ่งพื้นที่บ้านหนองจานเป็นแผ่นดินไทย เคยไปทำมาหากิน แม้จะยังไม่มีโฉนด ก่อนปี 2518 ซึ่งหลังจากนั้นทาง UN มาขอใช้พื้นที่เป็นศูนย์อพยพแคมป์ 511 และมีการปิดแคมป์เมื่อปี 2528 แต่เขมรบางส่วนไม่ยอมกลับและอยู่จนถึงทุกวันนี้ 40 กว่าปี ทั้งนี้พื้นที่ 64 ไร่บ้านหนองจาน ไม่เกี่ยวกับเรื่องเส้นเขตแดน แต่เป็นเรื่องการล้ำเข้ามาในแผ่นดินไทย และไม่ได้เกี่ยวกับความขัดแย้ง MOU 2543 เพราะเขาอยู่มาก่อน ดังนั้นอย่าเอามารวมกัน ยืนยันเราไม่ได้มาหาเรื่องกับเขมร แต่เป็นเขมรที่ทำผิดกฎหมายมาแย่งแผ่นดินไทย ยืนยันสิ่งที่ประชาชนที่จะทำในวันพรุ่งนี้ไม่ผิดกฎหมาย แต่ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 50
ส่วนที่ทหารอยากให้ประชาชนน เพราะกำลังทำตามขั้นตอน นายวีระ ถามกลับว่าขั้นตอนอะไร หลาย 10 ปี ล่าสุดวันที่ 8 ตุลาคม 2568 เรียกชาวบ้านหนองจานไปกินข้าว และไปกล่อมไปโกหกเขาว่าจบแน่ภายในเดือนตุลาคม 2568
ส่วนสถานการณ์
วันนี้จะมีโอกาสได้เป็นที่คืนหรือไม่ นายวีระ กล่าวว่า รัฐบาลยังห้ามตน ทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะรัฐบาลไปเซ็นสัญญาสันติภาพทุกอย่างจบหมดแล้ว รัฐบาลทำอะไรไม่ได้แล้วตอนนี้เพราะเป็นเรื่องระหว่างประเทศ กลายเป็นว่าแผ่นดินไทย เขมรเข้ามายึดแล้ว และเมื่อวันที่ 21-22 ต.ค. 2568 มีการประชุม JBC มี 2 เรื่องที่ประเทศไทยเตรียมแจ้งให้เขมรรับทราบ ในเรื่องการทำรั้วและขอให้เขมรอพยพออกไป ซึ่งประเทศไทยยื่นคำขาดว่าเขมรต้องออกไปภายในก่อนวันที่ 10 ต.ค. 2568 เขมรบอกว่าอย่าใช้คำพูดเรื่องอพยพโยกย้ายให้ใช้คำเป็นการปรับเปลี่ยนถือครองที่ดิน ซึ่งไม่แน่ใจว่าประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ไปยอมได้อย่างไร และในวันที่ 26 ต.ค. 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงนามสันติภาพ ทหารไม่สามารถไล่เขมรได้ ต้องเจรจาอย่างเดียว ทั้งยังต้องเริ่มปักปันเขตแดนใหม่ซึ่งต้องถามว่าจะให้ประชาชนรออีกนานเท่าไหร่ ซึ่งเรื่องนี้ตนมองว่าทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบ
"พื้นที่บ้านหนองจานที่เป็นแผ่นดินไทยเราสามารถเข้าไปได้หรือไม่ ซึ่งตนยังไม่สามารถเดินเข้าได้เลย หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านมานาน และในวันพรุ่งนี้ (31 ต.ค. 2568) ผมจะเดินเข้าไปหาก ทหารไทย ตำรวจไทย จะทำร้ายผมก็ลองดู ผมไม่มีอาวุธ หากจะทำอะไรผมต้องไปเอาเขมรออกให้หมดจากพื้นที่ 64 ไร่ ซึ่งหากทำได้ผมไม่เดินเข้าไปและจะเดินทางกลับ แต่หากเอาออกไปไม่ได้ ก็ไม่มีสิทธิ์มาห้ามผม เพราะรัฐบาลทำผิดกฏหมายมาโดยตลอด ทั้งยังจะมาฆ่าผมอีกหรือ ไม่เป็นไร วันพรุ่งนี้จะนองเลือดเพราะผมจะไม่ยอม โดยวันพรุ่งนี้ก่อนเวลา 13.00 น. ถ้ารัฐบาลเอาเขมรออกจากพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้วได้ตนจะกลับทันที พร้อมยอมรับว่าพูดคุยกับทหารในพื้นที่ซึ่งได้รับแจ้งว่าต้องทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ซึ่งคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหากจะปฏิบัติก็ได้ แต่คำสั่งนี้ไม่มีผลผูกพันกับประชาชน" นายวีระ กล่าว
ส่วนที่นายกรัฐมนตรีไม่เคยลงพื้นที่นั้น นายวีระ กล่าวว่า เพราะคงไม่กล้าลงมา ซึ่งหากมาก็ถามด้วยว่าเหตุใดจึงปล่อยไว้หลาย 10 ปี ลองดูว่าจะกล้าตอบหรือไม่
นายวีระ ระบุอีกว่า การทำกิจกรรมร่งมกับมวลชน ไม่ใช่การปลุกปั่น พอมีการกำหนดไว้ล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. 2568 แต่รัฐบาลกลับไม่ดำเนินการ ทั้งยังแอบไปตกลงกันโดยไม่มีการบอกประชาชนว่าจะทำวิธีการนี้ เป็นการมัดมือชกประชาชนให้ต้องยอมรับได้อย่างไร หากยุติธรรม เป็นธรรม ไม่ทำให้ประเทศชาติเสียหายและประชาชนเดือดร้อน ตนก็ไม่มีข้ออ้างที่จะมาเคลื่อนไหวหรือถูกกล่าวหาว่าสร้างปัญหา ยุยงปลุกปั่น
ส่วนกลัวหรือไม่หากทำแล้วจะมีการวิพากวิจารณ์ซ้ำรอย "กัน จอมพลัง" นายวีระ กล่าวว่า เราไม่สามารถห้ามได้คนที่ไม่เข้าใจความจริง ซึ่งเขาอาจจะเข้าใจผิด และวิพากษ์วิจารณ์ในการกล่าวหาตนก็ทำได้เป็นสิทธิ์ แต่หากมาพูดให้เสียหายต่อชื่อเสียงและเกียรติยศ ก็ต้องรับผิดชอบ
Advertisement