
วันที่ 30 ต.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงเรียนบ้านโนนสวรรค์ (เกษตรศาสตร์อนุสรณ์9) ต.โคกตะเคียน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ชาวบ้านในพื้นที่ได้มาช่วยกันก่อสร้างบังเกอร์ไว้ให้เด็กนักเรียนใช้หลบภัย หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้น ซึ่งเป็นงบประมาณจากภาครัฐ และเป็น 1 ใน 19 แห่งของ ต.โคกตะเคียน อ.กาบเชิง ที่ได้รับงบประมาณก่อสร้างหลุมหลบภัย
นายบุญยนต์ ลาหัวโทน อายุ 73 ปี ชาวบ้านที่มาช่วยก่อสร้างหลุมหลบภัย กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีไปลงนามสันติภาพกับเขมร ตนไม่เชื่อใจเขมร เพราะเขมรชอบโกหก ตนไม่ไว้ใจ จึงพากันทำบังเกอร์ให้เด็กนักเรียน ยังไม่ไว้ใจในสถานการณ์ หากเกิดฉุกเฉินขึ้นเด็กนักเรียนจะได้หลบภัย
บริเวณทุ่งนารอบหมู่บ้านที่ผ่านมาก็มีระเบิดตกหลายสิบลูก แต่ไม่ถูกบ้านคน ยังไม่ได้กู้ ก็มีรอเกี่ยวข้าวเสร็จ
ส่วนด่านชายแดนไม่อยากให้เปิด ตนไม่เชื่อใจเขมร ตนพูดจริงๆ ส่วนเรื่องดินแดนปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก ปราสาทคนา และสวนมะม่วงช่องระยี อ.กาบเชิง ฝากให้ทหารเอามาคืนด้วย ถ้าไม่ได้คืน ตนก็คงเสียใจมาก ถ้าเจรจาโดยไม่ใช้อาวุธ ตนว่าเขมรไม่ยอมถอยอย่างแน่นอน ถ้าสถานการณ์ยืดเยื้อแบบนี้ชาวบ้านลำบาก ปราสาทตาควาย ตนอยากได้คืนมากๆ เพราะว่าเป็นของเราไม่ใช่ของเขมร
นายมิตร พันธมาศ อดีตผู้ใหญ่บ้านโนนสวรรค์ ต.โคกตะเคียน อ.กาบเชิง กล่าวว่า บังเกอร์เป็นโครงการของหน่วยงานราชการ ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ยังไม่มั่นใจ ชาวบ้านเตรียมพร้อมตลอดเวลาทุกวัน ส่วนการลงนามสันติภาพชาวบ้านก็ยังไม่เชื่อมั่นเหมือนเดิม อยากให้ทำให้เด็ดขาดไปเลยให้จบไปเลย มันคาราคาซัง เชื่อใจกัมพูชาไม่ได้ ส่วนเรื่องดินแดนเราก็อยากได้ของเราคืน ให้เขาจะมาฮุบเอาก็ไม่ได้
ส่วนการลงนามสันตภาพ ตนก็ไม่รู้ว่าผู้ใหญ่คุยกันลักษณะไหนอย่างไรมีอะไรแอบแฝงอะไรยังไง เราก็ไม่รู้ ตนไม่เชื่อว่าเขมรจะถอนกำลังแผ่นดินไทย ยังมีอีกหลายที่ที่เรายังไม่ได้คืน ตนอยากให้ยึดหลักเขตแดนสมัยรัชกาลที่5 ชาวบ้านอยากให้สงบจบเร็วๆ ชาวบ้านจะได้ทำมาหากินตามปกติ ไม่ต้องตื่นตระหนกตกใจ แต่เสียงฟ้าร้องนาข้าวใกล้ๆ พื้นที่ระเบิดBM21 ตก ก็ไม่กล้าเกี่ยว ที่ผ่านมาก็ตกที่ไร่นา ใกล้หมู่บ้าน 39 ลูก หาไม่เจอ 1 ลูก มี 2 ที่ยังไม่แตก และยังไม่ได้กู้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่ชาวโซเชียลเพจเฟซบุ๊กต่างๆ ของชาวสุรินทร์ต่างเริ่มมีการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการทวงคืนปราสาทตาควายกันแล้ว หลังนายกรัฐมนตรีลงนามสันติภาพกับกัมพูชา ทั้งๆที่แผ่นดินไทยหลายแห่งยังไม่ได้กลับคืนมา ทั้งปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก ปราสาทคนา และสวนมะม่วงช่องระยี อ.กาบเชิง และต่างได้ข่าวมาว่าจะมีการเปิดด่านชายแดนอีกด้วย
โดยเฉพาะเพจเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า “ชุมชนคนสุรินทร์” ที่โพสต์ระบุข้ความว่า “ปราสาทตาควาย ตั้งอยู่ใน ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ประเทศไทยตามแผนที่ 1/50,000 ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน เขมรขึ้นมากร่างร่วมปี 54” รวมทั้งแชร์และโพสต์อีกหลายโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับปราสาทตาควาย ทั้งเชิญชวนให้ประชาชนที่เคยไปเที่ยวนำภาพปราสาทตาควายที่ถ่ายไว้มาโพสต์โชว์ในช่องคอมเมนต์ด้วย ซึ่งพบว่าชาวโซเชียลเข้ามาคอมเมนต์สนับสนุน และแชร์ออกไปจำนวนมาก และต่างต้องการให้รัฐบาลและทหารนำดินแดนไทย และปราสาทตาควายกลับมคืนให้หมด
ไม่ต่างจากเพจเฟซบุ๊กของอินฟูลเอ็นเซอร์คนดังชาวสุรินทร์อีกราย คือเพจที่ชื่อ “อ้อไพรัช-คนกรุงเทพเหลา” ที่ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “เร็วๆ นี้ผมจะรวมตัวแก๊งมอไซค์ทั้งจังหวัดสุรินทร์ ทวงคืนปราสาทตาควาย ไม่คืนไม่เปิดด่าน” ซึ่งมีชาวโซเชียลเข้าไปคอมเมนต์สนับสนุน และแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก
ด้านเฟซบุ๊กเพจ “สถานีข่าวสุรินทร์” ก็ได้มีการโพสต์ข้อความระบุว่า “ลงนามสันติภาพไม่ได้หมายความว่าต้องเปิดด่าน และไม่ได้ให้ปราสาทตาควายเขมร ชาวสุรินทร์ว่าอย่างไร” รวมทั้งโพสต์ข้อความว่า “ได้ยินมาว่าชาวบ้านแถวชายแดนช่องจอมจะประท้วงคัดค้านไม่ให้เปิดด่านชายแดน เห็นด้วยหรือไม่” นอกจากนี้ยังโพสต์คลิปปราสาทตาควายเชิญชวนประชาชนร่วมทวงคืนปราสาทตาควาย ซึ่งพบว่ามีชาวโซเชียลเข้าไปคอมเมนต์เห็นด้วยจำนวนมากเช่นกัน
Advertisement