
จากกรณี เพจเฟซบุ๊ก ช่างบิ๊ก บุรีรัมย์ ได้โพสต์เฟสบุ๊ค ระบุว่า "" #ปราสาทตาควาย
📌ก่อนรบ ทีมเรานำยางรถยนต์ น้ำและอาหารแห้งไปมอบให้พี่ๆทหาร เพื่อเตรียมความพร้อม
📌ระหว่างรบ ทีมเราวิ่งส่งเสบียงในพื้นที่ ให้กับผู้ประสบภัยที่ไม่อพยพ ร่วมถึงเจ้าหน้าที่หมุ่บ้าน
📌หลังรบเสร็จ เราเข้าไปช่วยเพื่อเตรียมความพร้อมหากมีการปะทะอีกครั้ง เช่น ทำบังเกอร์ ทำทางให้รถถัง นำยางรถยนต์ เสบียงน้ำดื่ม อาหารแห้งขึ้นไป
ลุยงานกันจนดึกทุกวันแต่ไม่เคยเหนื่อยเลย
#ในวันที่รู้ว่าเราเสียปราสาทตาควาย ผมขับรถจากบ้านไปช่วยทำทางให้ทหาร ขับรถไปน้ำตาไหลไป แต่ไม่เคยท้อเลย
#มีแค่ความเชื่อว่าสักวันเราจะเอาปราสาทตาควายกลับมาคืน
แต่สุดท้าย ความเชื่อในครั้งนี้ของผม มันคงไม่เป็นจริงแล้ว
ถ้าดูจากสถานการณ์และแนวทางในการเจรจาตอนนี้
#เราคงพูดได้แล้วว่าเราเสียปราสาทตาควายไปตลอดกาล
#มันไม่ใช่แค่ปราสาทแต่มันคือผืนแผ่นดินไทย🇹🇭"""
ล่าสุดวันนี้ 29 ต.ค.68 ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ นายภูริภาคย์ ศรีรัตน์ดีจรัส หรือ ช่างบิ๊ก ซึ่งให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ที่ตนเองออกมาพูดและมาโพสต์ภาพเรื่องราวเกี่ยวกับปราสาทตาควายนั้น เนื่องจากเป็นความรู้สึก ที่เคยได้เข้าไปช่วยเหลือ ตั้งแต่ก่อนการสู้รบ ซึ่งตนเองได้นำยางรถยนต์ และอาหารแห้ง เข้าไปช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ เพราะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และที่ตนเองออกมาโพสต์ เนื่องจากมีความรู้สึกว่า ประเทศไทย น่าจะไม่ได้ดินแดน ตรงปราสาทตาควายคืนแล้ว ยืนยันว่าตนเองไม่ได้สนับสนุน หรือ ชอบสงคราม แต่ส่วนตัวมองว่า ไทยไม่มีทางได้ประสาทตาควายคืนจากการเจรจาแน่นอน
กรณีล่าสุด ที่มีการเซ็นข้อตกลงสันติภาพ ส่วนตัวแล้วมองว่ามีทั้งข้อที่ได้เปรียบ และ ข้อที่เสียเปรียบ สันติภาพนั้นทุกคนอยากให้เกิดขึ้น แต่ก็ต้องคำนึงด้วยว่าจะทำอย่างไรถึงจะได้ประสาทตาควายคืน
วันนี้ ฝั่งกัมพูชาได้มีการเผยแพร่ภาพการถอนกำลังและอาวุธหนักออกจากพื้นที่ ส่วนตัวมองว่าเป็นเพียง การจัดฉากเท่านั้น เพราะสำหรับตนเองแล้วเขมรไว้ใจไม่ได้
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรี ออกมาพูดว่าเขมรล้ำที่เราก็จริงแต่ไทยก็ล้ำที่เขมรเหมือนกัน ซึ่งเรื่องนี้มองว่ายังไม่ชัดเจนตรงเส้นเบ่งเขตแดน เพราะเขมรยึด แผนที่ 1 ต่อ 2 แสน แต่ไทยยึดแผ่นที่ 1 ต่อ 50,000 ซึ่ง ยืนยันได้ว่าประเทศไทย ไม่ได้ล้ำแผ่นดินเขมรแน่นอน มีแต่เขมรที่รุกล้ำแผ่นดินไทย
ส่วนกรณีการเปิดด่าน ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ตนเองเข้าใจความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนรวมถึงพ่อค้าแม่ค้าทุกคน แต่ทางการไทยก็จำเป็นที่จะต้องมีมาตรการในการกดดันกัมพูชาเพื่อให้ได้ดินแดนคืน ส่วนตัวมองว่ายังไม่ควรจะเปิดด่าน เพราะปัจจุบันทหารเขมรยังคง ดัดแปลงฐานที่มั่นและไม่เคยทำตามข้อตกลงใดๆทั้งสิ้น ตนเอง ช่วยเหลือพื้นที่แนวชายแดนมามาก ทราบดีว่าทหารเขมรนั้นไว้ใจไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้ที่ยังไม่มีการปะทะกัน มีการคุมพื้นที่ร่วมกัน ก็มีการเปิดให้นักท่องเที่ยวของจากทั้ง 2 ประเทศ ได้เข้ามาท่องเที่ยว ทหารไทยพัฒนาทุกอย่างให้ดีขึ้น แต่กลับกันทหารเขมรกลับมีการ ขุดคูเลต แอบทำป้อมปืน วางทุ่นระเบิด เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรุกรานประเทศไทยมาโดยตลอด ส่วนตัวแล้วมองว่าการที่จะได้ประสาทตาควายคืน กลับมา จะไม่ได้ด้วยการเจรจาอย่างแน่นอน
ความรู้สึกของตนในฐานะที่เป็นคนในพื้นที่ และอยู่กับปราสาทตาควายมานาน ครั้งแรกที่ตนเองทราบ ว่าเขมรยึดประสาทตาควายไป ตนเองเสียใจมากถึงกับน้ำตาไหล ร้องไห้ เพราะพื้นที่ที่เป็นของบรรพบุรุษ กลับมาสูญเสียให้กับเขมรในยุคของเรา
อยากฝากถึงรัฐบาล ควรจะให้ความสำคัญเรื่องของการปักปันเขตแดนให้แล้วเสร็จ และเน้นย้ำในเรื่องของมาตรการที่สามารถกดดันฝั่งกัมพูชาได้อย่างแท้จริง เพราะขณะนี้ชาวบ้านแนวชายแดนอยากให้ทุกอย่างจบ
Advertisement