
วันที่ 27 ต.ค. 68 ดร.จินตนันท์ ชญาต์ร ศุภมิตร อดีตข้าราชบริพาร โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก “Jintanant Chaya Subhamitra” ระบุว่า “ส่งเสด็จจากรพ.จุฬาฯไปพระบรมมหาราชวัง....”
“แม้ทราบว่าจะต้องมีวันนี้ เพราะทราบมาระยะหนึ่งว่าพระอาการไม่ค่อยจะดี แต่เมื่อวันนี้มาถึงก็อดใจหายเศร้าเสียใจมิได้”
“นึกถึงตอนเป็นเด็กน้อย เราอยู่บนพระตำหนักตั้งแต่อายุได้10 วัน เพราะแม่มาทำงานรับใช้ท่าน เรานั่งรับใช้อยู่บนพระตำหนักสวนจิตรฯชั้นสาม รอท่านตื่นบรรทมและเสด็จฯ จากฟากหนึ่งของพระตำหนัก ไปตามทางพระดำเนินไปยังห้องแต่งพระองค์อีกฟากหนึ่ง ระหว่างทรงสางพระเกศาหน้าพระฉาย เรามีหน้าที่ถวายแปรงและอุปกรณ์ต่างๆ ท่านจะทรงเรียกเราว่า "แม่จินตนันท์" เมื่อแต่งพระองค์เสร็จ เสด็จฯงานพระราชพิธี เคยตามเสด็จฯไปด้วย”
“ปรากฏว่าเรากับน้ำผึ้ง ม.ล.สราลี กิติยากร ชวนกันไปวิ่งซนบนพระที่นั่งจักรี ไปเล่นตรงทางท่อแอร์ที่พ่นมาจากพื้นทำท่ามาริลีน มอนโร เรายังตามเสด็จกลับไม่ถึงวัง มีคนโทรมาฟ้องแม่ โดนตี”
“ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นต่อข้าราชบริพาร ทรงห่วงว่าแม่มารับใช้ท่านไม่อาจไปรับส่งได้ ทรงให้รถยนต์หลวง ร.ย.ล.ไปรับที่บ้านมาส่งโรงเรียน เขมะสิริอนุสรณ์ จิตรลดา และเตรียมอุดมทุกวันและรับกลับบ้าน แชร์รถกับครูคุณหญิงศุภวัชร วัชรเสถียร หรือไม่ก็คุณพยาบาลที่มาดูแลสมเด็จพระนางเจ้า รำไพพรรณีที่วังศุโขทัย เพื่อนชอบล้อเวลาเห็นรถขนขยะในวังเข็นผ่าน ตะโกนว่า "จินตนันท์ รถหลวงมารับแล้ว" เราใช้บริการรถยนต์หลวงจนกระทั่งจบ รร.เตรียมอุดมศึกษา แต่ตอนเย็นกลับเอง เพราะกิจกรรมเยอะเกรงใจเขามารอ สมัยก่อนไม่มีโทรศัพท์มือถือ”
“ตอนเรา 4 ขวบ แม่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์หน้าวัดไกลกังวลที่หัวหินกระโหลกร้าว ต้องไปผ่าตัดที่รามา สมเด็จทรงจูงมือเราขึ้นฮ.พระที่นั่งกลับสวนจิตร เรายังเด็กไม่รู้เรื่อง นั่งเอ้เตด้านหลังพระเก้าอี้ทั้งสองพระองค์ไปอย่างโก้ ทรงดูแลเราอย่างดี เวทนาว่ายังเด็กแม่ป่วยหนัก ได้ไปนอนในห้องบรรทมซึ่งหนาวติดลบมาก โชคดีแม่อยู่โรงพยาบาลรามาไม่นาน เพราะผีหลอกทนไม่ไหว เราเลยได้ไปนอนกับแม่ที่แพทย์หลวงในวังไกลกังวล ปรากฎว่าผีหลอกหนักกว่าเดิม”
“ทุกวันช่วงเลิกเรียนเราจะเดินจา กรร. ผ่านน้ำพุใหญ่ในบ่อทรงกลมหน้าพระตำหนักขึ้นไปหาแม่บนพระตำหนัก บางทีช่วงค่ำๆ ก็ต้องวิ่งตามเสด็จฯ ทรงเอ็กเซอรไซส์รอบๆ น้ำพุหลายสิบรอบ ถ้าฝนตกจะวิ่งรอบศาลาดุสิตดาลัย ขึ้นลงบันได จะมีคนคอยชักตัวเลขว่ารอบไหนแล้ว ทั้งสองพระองค์ทรงฟิตมาก”
“ช่วงตามเสด็จแปรพระราชฐานไปยังภูมิภาคต่างๆ ที่เราตามไปด้วย เพราะ รร.ปิดคือภาคเหนือ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ และวังไกลกังวลที่หัวหิน เราจะมีหน้าที่วิ่งตามเสด็จฯ ขึ้นเขาจากพระธาตุดอยสุเทพไปภูพิงค์ฯ หรือไม่ก็หาดทรายใหญ่ เมื่อรถขบวนจอด เด็กๆ จะสปีดก่อน ไปสักพัก ขบวนพระเจ้าอยู่หัวแซง อีกพักสมเด็จแซง วิ่งขึ้นเขา พอลงจะเป็นหาดทราย ตอนเย็นจะมีไอศกรีมรอที่ชายหาด ทุกพระองค์ประทับบนเสื่อท่ามกลางบรรยากาศพระอาทิตย์ตก คิดถึงแล้วยังจำบรรยากาศความสุขนั้นได้แจ่มแจ้ง”
“สมเด็จทรงรองพระบาทส้นสูงเก่งมาก รองพระบาทใหม่ๆ พวกป้าๆ น้าๆ จะเอาอะไรแหลมๆ ขูดพื้นรองพระบาท เพื่อไม่ให้ลื่น ตอนนั้นไม่มีอุปกรณ์ยางติดเบรค เคยวิ่งตามเสด็จฯ ท่านครั้งหนึ่ง ทรงรองพระบาทบู้ทส้นสูงวิ่งขึ้นเขา แต่ถ้าออกพระกำลังธรรมดาก็ทรงผ้าใบปกติ”
“เวลาตามเสด็จไปเยี่ยมราษฎรตามโครงการต่างๆ แม่เล่าว่า ท่านรับสั่งให้พวกแม่ไปคุยกับชาวบ้านที่นั่งหลังๆ เพราะพวกนั่งหน้าๆที่คอยรับเสด็จคือพวกพอมีสตางค์ พวกชาวบ้านที่นั่งหลังๆคือพวกยากจนที่แท้จริง ทรงสอนให้ซักให้ละเอียด เช่นไปทำงานในนาแล้วใครอยู่ดูแลลูก ครอบครัวเป็นอย่างไร รายได้เท่าไหร่จากทางใดบ้าง ทรงละเอียดและเอาพระทัยใส่มากๆ”
“เคยนั่งรถขบวนตามเสด็จไปโครงการพระราชดำริ เยี่ยมราษฎรบ่อยๆ ขบวนจะออกประมาณบ่ายสาม กลับถึงวังห้าทุ่มสองยาม ระหว่างนั้นไม่เสวยอะไรเลย เรามีหน้าที่เอาติ๊กแต๊ก ลูกอมมินต์ถวาย เอาข้าวกล่องกับส้มไปแจกทหาร สมัยก่อนศาลาทรงงานไม่มี กางเต๊นท์เอาในป่า เข้าห้องน้ำในป่ากัน ยุงก็ชุม ร้อนก็ร้อน ฝนตกต้องขุดทางน้ำไม่ให้ท่วมเต๊นท์ ท่านไม่ได้ติดหรูแบบที่คนคิด ทั้งสองพระองค์ทรงลำบากตรากตรำมากๆเพื่อช่วยราษฎร และทรงแพ้ควันรถแพ้ฝุ่น พระพักตร์บวม แต่ยังคงเสด็จฯ ตลอด ทรงยิ้มแย้มมีพระราชปฏิสันถารกับประชาชนอย่างอ่อนหวาน แต่งพระองค์งามทุกครั้ง รับสั่งว่าประชาชนทั้งชีวิตอาจจะเจอพระราชินีเพียงครั้งเดียว ท่านทรงอยากให้พวกเขามีความประทับใจ”
“ครั้งหนึ่งตอนเราอายุ13ปี มีผู้ร้ายมาจี้ในบ้านตอนแม่ตามเสด็จไปหัวหิน โชคดีที่ไม่เป็นอะไร ได้ต่อสู้กับผู้ร้ายเป็นสามารถ โดยแย่งมีดและเอาหัวผู้ร้ายโขกผนังบ้านจนแตก และหนีไป โดนบีบคอและตุ๊ยท้องจนระบมทั้งตัว พ่อไปแจ้งความ ตำรวจบอกว่า ผู้เสียหายยังไม่เสียหาย ไม่รับแจ้ง แม่ไปร้องไห้ฟ้องในหลวง ท่านทรงวอ.ไปหา ผบ. ตร. แป๊ปเดียวตำรวจเต็มบ้าน ตอนยังจับคนร้ายไม่ได้เราต้องไปหาแม่ที่หัวหิน”
“สมเด็จท่านรับสั่งให้เราไปว่ายน้ำทะเลตามเสด็จวันนั้นเลย เพราะมีคนนินทาว่าเสียหาย เราโดดจากทุ่นกลางทะเลตามเสด็จว่ายเข้าฝั่งทั้งๆ ที่เจ็บตัว คอเขียวช้ำ ป๋อมแป๋มกว่าจะถึงเกือบแย่ มีพี่มนุษย์กบประกบหลังมาด้วย ถึงเป็นคนสุดท้าย ท่านประทับรอคอยตบพระหัตถ์เชียร์ที่ชายหาด ทรงมีความละเอียดอ่อน และทรงมีพระมหากรุณาธิคุณสูงสุด”
“ท่านทรงว่ายน้ำเก่งมากๆ เพราะวังเทเวศน์อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา พระเชษฐาคือคุณชายกร๋อย ม.ร.ว กัลยาณกิติ์ กิติยากร กับคุณชายอ้วน ม.ร.ว. อดุลยกิติ์ เคยว่ายไปกลับข้ามฝั่งแม่น้ำ เวลาสมเด็จท่านทรงว่ายน้ำ มนุษย์กบยังตามเกือบไม่ทัน ทรงว่ายจากเรือรบที่ทอดสมอหน้าวังเข้าฝั่ง เคยทรงว่ายรอบเกาะสิงโตด้วย”
“ในการช่วยราษฎร มีคนอคติไปว่าท่านว่าทรงมี hidden agenda อย่าเอามาตรฐานตัวเองมาเทียบ จะบอกให้ว่าท่านไม่ซับซ้อน ท่านช่วยราษฎรเพราะท่านน้ำพระทัยดี เวลาทรงอ่านหนังสือพิมพ์เจอใครที่เดือดร้อน ท่านจะ "โถ... สงสาร" ทรงช่วยโดยไม่ได้ทรงหวังอะไร แค่อยากจะให้ประชาชนอยู่ดีกินดี บางทีแม่ก็ไปเจอชาวบ้านเดือดร้อน ไปทูลท่านก็พระราชทานความช่วยเหลือทุกครั้ง”
“ทรงดูแลเราทุกช่วงชีวิต แม้โต ทำงาน แต่งงานก็รับสั่งให้เข้าเฝ้าพระราชทานเงินก้นถุง มีลูกก็พระราชทานชื่อ ลูกป่วยเป็นคาวาซากิ ก็เป็นคนไข้ในพระราชานุเคราะห์ทรงสอนให้เรารักชาติ รักแผ่นดิน เคยไปรับตอนเสด็จฯกลับจากงานพระราชพิธี ทรงสายสะพายปฐมจุลจอมเกล้า สีชมพู เราก็เอาริบบิ้นสีชมพูเฉียงสะพายไปรับพระกระเป๋า ท่านรับสั่งว่า "ท่านผู้หญิงจินตนันท์ เป็นใหญ่เป็นโตแล้วอย่าโกงกินชาตินะ"
เราก้มกราบ "เพคะ" ได้เฝ้าท่านครั้งสุดท้ายที่ศิริราชเมื่อเก้าปีที่แล้ว ตอนพระเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต 13ตุลาคม 2559”
“วันนี้ ต้องกราบพระบาทลา Mentor ของชีวิตเสด็จสู่สวรรคาลัย ป่านนี้ท่านคงทรงเข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวแล้ว”
จินตนันท์ ชญาต์ร ศุภมิตร
อดีตข้าราชบริพาร
#สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
#สมเด็จพระพันปีหลวง
Advertisement