วันนี้ (25 กันยายน 2568) เวลา 16.40 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เดินทางเข้ามาที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ถนนทรุด เขตดุสิต โดยได้มีการพูดคุยสรุปสถานการณ์กับนายเทียนชัย วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการเขตดุสิต พร้อมทั้งตรวจสอบเอกสารเกี่ยวกับการประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ และมีการสอบถามเกี่ยวการดูแลผู้ได้รับผลกระทบโดยเป็นเรื่องน้ำประปา และการดูแลผู้ป่วย
ก่อนที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า สถานการณ์ด้านนอกในส่วนที่กทม.รับผิดชอบโดยตรงการดำเนินการเรียบร้อยดี อุปสรรคสำคัญในการเทปูน คือปูนอาจจะลงไปไม่ถูกจุด เพราะปูนจะไหลไปหาจุดต่ำ แต่อาจจะต้องดูว่าการเทปูนจะมีการไหลเข้าไปในอุโมงค์หรือไม่เพราะว่าถ้าไหลเข้าไปในบริเวณนั้นเท่ากับเสียเปล่า แต่จะให้เทลงตรงจุดไม่ได้ง่าย เพราะเราไม่ทราบพื้นที่ข้างล่าง พอเซ็ตตัวมันก็จะมาปิดรูรั่วได้
เมื่อถามว่ามีวิธีที่จะบังคับปูนให้ลงไปถูกจุดหรือไม่ นายชัชชาติ ระบุว่า ปูนมันสามารถไหลได้การที่จะเทให้ลงตรงจุดเลย ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเราไม่รู้ว่าข้างล่างเป็นอย่างไร จึงมีการเอากระสอบทรายหย่อนลงไปด้วยให้ไปอุดรู พอทำงานร่วมกันพื้นก็จะเต็ม พร้อมบอกว่าปูนที่เทลงไปนั้น เป็นปูนที่ไม่ได้มีกำลังสูงมาก เพราะในอนาคตจะต้องมีการรื้อถอนออก
นอกจากนี้นายชัชชาติยัง ระบุว่าอุปสรรคตอนนี้คือการอุดรูอุโมงค์ มีแผ่นเศษปูนขวางอยู่ 5 ชิ้น มีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 30 ตัน ซึ่งจะเป็นอันตรายถ้าหากมีการยก หรือเคลื่อนย้าย จึงตัดสินใจในการปรับเปลี่ยนแผนเป็นการเทคอนกรีตเข้าไปเลย
นายชัชชาติ เปิดเผยว่าในการเทปูนน่าจะต้องใช้เป็น 1000 คิวหลังจากเทปูนเสร็จก็ต้องเอาหินคลุกเทผสมลงไปทุกอย่างมีเป็นขั้นเป็นตอนอยู่แล้ว เมื่อขั้นตอนบนหลุมเสร็จ ยังมีขั้นตอนใต้ดิน คือภายในอุโมงค์ที่ในอนาคตจะต้องทำการรื้อถอนมองว่าเรื่องนี้ยังอีกยาว แต่เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของทางรฟม. ที่จะต้องดำเนินการ
ส่วนท่อน้ำประปาที่แตกระหว่างหลุมทรุด นายชัชชาติ มองว่าควรทำไปเลยดีกว่าการไปเจาะ และซ่อมใหม่ ไม่อยากกดดันการประปาทางการประปานครหลวงให้ทำไปตามขั้นตอน ไม่ได้เร่งรีบอะไรขอให้ปลอดภัยทุกขั้นตอน จะพยายามทำให้เร็วที่สุดแต่คงเร่งรัดไม่ได้
เมื่อถามว่าถ้าเกิดปัญหาฝนตกจะแก้ปัญหาอย่างไร นายชัชชาติ ระบุว่าเราไม่มีการระบายน้ำ แต่มีเครื่องสูบน้ำซึ่งเราเตรียมไว้แต่ยังไม่ได้มีการติดตั้ง เราหวังว่าจะไม่มีน้ำจากข้างนอกเติมเข้ามาในบ่อ ซึ่งน้ำที่กำลังจะเข้ามาในจุดนี้เราพยายามที่จะบล็อกหัวท้ายไว้ทั้งหมด 4 จุด
ส่วนที่มีการประกาศว่าเป็นเขตภัยพิบัติ มีระยะทางทั้งหมดกี่กิโลเมตร นายชัชชาติ ระบุว่าไม่มีเป็นระยะทาง เป็นประกาศเป็นเหตุการณ์ เช่นเหตุการณ์ดินถล่มที่ถนนสามเสนหน้าวชิรพยาบาล ถ้าใครอยู่ใกล้ก็ถือว่าอยู่ในเขตภัยพิบัติเราไม่ได้บอกว่าเป็นพื้นที่ไหน แต่ถ้าใครได้รับผลกระทบทางกทม. ก็จะดูแลให้ได้
นายชัชชาติ ระบุว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบตรงๆ คือสน. สามเสนกับแฟลตทางด้านหลัง รูปแบบนี้จะแตกต่างจากน้ำท่วม เพราะในกรณีนี้มีผู้รับผิดชอบอย่างชัดเจน
ส่วนสาเหตุที่ไม่นำรถออก นายชัชชาติ ระบุว่าเราไม่ได้ห่วงรถ แต่เราไม่อยากให้รถไปขวางการอุดรอยรั่วดังกล่าว เมื่อถามว่าการที่เทปูนเข้าไปนั้นจะส่งผลกระทบถึงสถานีรถไฟฟ้าเลยหรือไม่ นายชัชชาติ ระบุว่ามีปูนที่ไหลเข้าไปในสถานีอยู่บ้างจากการตรวจสอบพบว่าไหลเข้าไปประมาณ 50 เมตร โดยไหลเข้าไป 2 ฝั่ง คือ ฝั่งสถานี กับฝั่งอุโมงค์ในช่วงเริ่มต้นแต่ตอนนี้หยุดแล้ว ตอนนี้เราก็เทปูนเข้าไปพอปูนเริ่มแข็งตัวมันก็จะดันออกมาเรื่อยๆ เราก็จะเสียบางส่วนที่ไหลออกไป แต่เราจะต้องต่อสู้กันด้วยความอึด และเราจะต้องมอนิเตอร์ทุกความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
เมื่อถามว่าทางนายกรัฐมนตรีได้มีการกำชับอะไรมาเป็นพิเศษหรือไม่ นายชัชชาติ ระบุว่าท่านนายกสั่งการมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วทุกคนรู้หน้าที่ตัวเอง งานนี้เป็นการร่วมมือร่วมใจกันที่ดีมาก สถานการณ์รอบนอกเข้าสู่สภาวะปกติได้ค่อนข้างเร็ว เมื่อถามว่าในวันนี้นายกรัฐมนตรีมีการประสานว่าจะลงพื้นที่หรือไม่ นายชัชชาติ ระบุว่า เวลาท่านจะมาที่ท่านไม่เคยบอกก่อน และไม่อยากให้รอรับท่านมาท่านก็มาแวะเยี่ยมมองว่าก็ดี เราก็อยู่ในพื้นที่อยู่แล้วมีอะไรก็เข้ามาพูดคุยกัน
ส่วนกรณีที่พบน้ำซึมบริเวณถนนสามเสนหน้าบริษัทบุญรอด บิวเวอรี่ จำกัดนั้นส่วนตัวผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบด้วยตัวเอง โดยสถานการณ์ทุกอย่างเรียบร้อย พบว่ามีท่อประปามีน้ำซึมออกมาเนื่องจากมีการปรับความดันน้ำตรงจุดที่ถนนทรุด ทำให้น้ำที่อยู่ในท่อเก่ารั่วซึมออกมา แต่ไม่มีอันตรายอะไร แต่ก็ขอขอบคุณที่ประชาชนเป็นหูเป็นตาแจ้งเรื่องราวเข้ามา พร้อมทั้งยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างรถไฟฟ้า และถนนทรุด
Advertisement