จากกรณี เฟซบุ๊กเพจ “สายสืบอย่ามาแข่” ของตำรวจชุดสืบสวน สภ.กุมภวาปี อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ได้โพสต์คลิป และรูปภาพ ขณะนั่งประชุมงานสืบสวนกับผู้บังคับบัญชาในช่วงเช้าวันนี้ (22 ก.ย. 68) ซึ่งก็มีชายหนุ่ม อายุ 28 ปี รูปร่างหน้าตาดี และแต่งตัวดี แขวนซองใส่บัตรตำรวจสอบสวนกลาง และอ้างว่าเป็น นรต.ปี 4 มารายงานตัว เพื่อขอฝึกงานกับตำรวจชุดสืบสวน สภ.กุมภวาปี
พร้อมกับระบุข้อความว่า “เราก็ไม่ได้ถามรายละเอียดให้นั่งประชุมด้วย พอแนะนำตัว ถามรัยตอบไม่ได้ ถามอยู่ชมรมไหน รุ่นไหน หนังสือส่งตัวมีมั๊ย ไม่มีสักอย่างสุดท้าย โป๊ะแตก อยากเป็นตำรวจจึงหาซื้อบัตรมาคล้องคอแต่งตัวเหมือนสืบ 555” หลังโพสต์ไปได้ไม่นาน มีชาวโซเชียลมาคอมเมนต์กันเป็นจำนวนมากว่า “อย่างนี้ก็ได้เหรอ”
หลังจากโป๊ะแตก ร.ต.อ.รังสิมันต์ ภูเนตร รองสว.สส. สภ.กุมภวาปี ได้รายงานไปยัง พ.ต.อ.วิชาญ สุธรรมแปง ผกก.สภ.กุมภวาปี พ.ต.ท.ปรีชา แจ้งคล้อย รองผกก.สส.สภ.กุมภวาปี พ.ต.ท.สมภูมิ ขันตีกุล สว.สส.สภ.กุมภวาปี ให้รับทราบ และได้มาสอบถามหนุ่มเพี้ยนรายนี้ด้วยตนเองคือนายติ (นามสมมติ) อายุ 28 ปี ชาวอ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ในเบื้องต้นทราบว่านายติ อยากเป็นตำรวจสายสืบ และขณะนี้กำลังศึกษาต่อในด้านกฎหมาย (นิติศาสตร์) แต่ยังเรียนไม่จบ
นายติจึงอยากจะมาขอฝึกงานสถานการณ์ และเหตุการณ์จริงกับตำรวจชุดสืบสวน สภ.กุมภวาปี แต่ดูท่าที และพฤติกรรม ขณะสอบถามนายติพูดจาเหมือนคนมีอาการทางจิตเล็กน้อย จึงได้โทรประสาน น.ส.น้อย นามสมมติ ข้าราชการครูผู้เป็นแม่ขับรถมารับกลับบ้านที่ อ.สว่างแดนดิน และได้ว่ากล่าวตักเตือนนายติ และบอกให้ผู้เป็นแม่นำตัวลูกชายไปปรึกษาแพทย์จิตเวช เพื่อประเมินอาการ ซึ่งผู้เป็นแม่ก็รับปาก และยกมือไหว้ขอบคุณตำรวจสืบสวน สภ.กุมภวาปีที่ให้โอกาสลูกชาย แต่ก่อนจะปล่อยตัวกลับบ้าน ตำรวจชุดสืบสวนได้พาไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานว่า ตนเองไม่ใช่ นรต.ปี 4 ตามที่ได้กล่าวอ้าง และสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้ต่อไปอีกแล้ว
ทั้งนี้ ร.ต.อ.รังสิมันต์ ภูเนตร หรือ ผู้กองเสือ รองสว.สส. สภ.กุมภวาปี เพื่อสอบถามเรื่องราวของนายติ หนุ่มเพี้ยนรายนี้ โดยผู้กองเสือ เปิดเผยว่า ช่วงเช้าวันนี้ขณะตนและทีมงานกำลังนั่งประชุมวางแผนงานกับผู้บังคับบัญชาก่อนออกปฏิบัติหน้าที่ ได้มีชายหนุ่มอายุ 28 ปี แต่งตัวดีขับรถเก๋งเข้ามาขอฝึกงานกับทีมงานของเรา โดยบอกว่าเป็น นรต.รุ่น78 ปี4 จึงบอกให้รอ พ.ต.ท.ปรีชา ก่อน และให้เข้านั่งประชุมร่วมกัน พอประชุมเสร็จ รองผกก.สส.สภ.กุมภวาปี จึงสอบถามนายติว่าที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจเราอยู่ชมรมอะไร ซึ่งเขาก็ไม่สามารถตอบได้ ตอบเพียงว่าอยู่ชมรมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
“ทางเราจึงสอบถามต่อไปอีกว่ามารายงานตัว เพื่อขอฝึกงานทำไมไม่แต่งเครื่องแบบตำรวจ และใบส่งตัวจากต้นสังกัดก็ไม่มี และสอบถามเรื่องในรั้วโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ก็ไม่สามารถตอบได้เลย คือไม่รู้เรื่องเลยตอบเพียงว่าอยากจะมาฝึกงานด้วย และบอกว่าก่อนมาที่นี่เคยไปขอฝึกงานกับชุดสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี แต่เขาบอกว่าเต็มจึงมาขอฝึกงานที่นี่แทน หลังจากสอบถามที่มาที่ไป ทำให้รู้ชัดแล้วว่าน้องเขาไม่ใช่ นรต.ตามที่กล่าวอ้างจึงโทรประสานแม่ของน้องที่กำลังทำงานอยู่ที่ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ให้เดินทางมารับน้องกลับบ้าน และได้สอบถามแม่ของน้องทราบว่ากำลังเรียนนิติศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่ งแต่ยังเรียนไม่จบ แต่น้องเขาอยากเป็นตำรวจมาก ตนจึงแนะนำไปตามขั้นตอนในการสอบเข้ารับราชการตำรวจ ไม่ใช่แค่เรียนด้านกฎหมายแล้วมาอ้างว่าตัวเองเป็น นรต.”
Advertisement