จากกรณีคณะกรรมาธิการทหารกังวลเกี่ยวกับการปิดด่านคลองลึก อ.อรัญประเทศ ส่งผลกระทบต่อดุลการค้าส่งออกของไทยที่มีมูลค่ากว่า 140,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับการส่งออกของกัมพูชามายังไทยที่มีมูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท คณะกรรมาธิการจึงเรียกร้องให้รัฐบาลลงพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาและพิจารณาเปิดด่านคลองลึก เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ไทยได้รับมากกว่ากัมพูชานั้น
ชาวบ้านหนองจานอย่าง “นางสมพร จันทะศร” มีที่ดินที่ถูกกัมพูชายึดไป 23 ไร่ 50 ตารางวา ติดกับหลัก 46 วันนี้บอกกีบทีมข่าวว่าหลังเห็นข่าวที่คณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ว่าควรเร่งให้มีการเปิดด่านนั้น ยอมรับว่าไม่พอใจมากๆ เพราะพื้นที่ที่เป็น อธิปไตยไทยตอนนี้ยังไม่มีอะไรยืนยันว่าจะได้กลับคืนมาเลยด้วย แล้วจะเปิดด่านเพื่ออะไร จึงขอยืนกรานว่ายังไงก็ไม่ให้เปิดด่าน จนกว่าจะมีการจัดสรรและมีมาตรการล้อมรั้ว ปักเขตแดนให้แล้วเสร็จ ไม่อย่างนั้นถ้าเปิดด่านตอนนี้ ยังไงกัมพูชาก็รุกล้ำเข้ามาอีก
แล้วแม้ว่าทาง กมธ. จะให้เหตุผลว่า ที่เร่งเปิดด่านเพราะเห็นถึงประโยชน์ปากท้องของพี่น้องตรงชายแดน ซึ่งประเด็นนี้ด้านของ “นางสมพร” มองว่าจริงๆแล้วตอนนี้คนไทยไม่ได้เดือดร้อนมากขนาดนั้น คนที่เดือดร้อนคือกัมพูชาที่อยากจะเข้ามาทำมาหากินในไทยมากกว่า
แต่สิ่งที่มันสำคัญที่สุดสำหรับคนไทย นั่นคือดินแดนที่ถูกกัมพูชายึดไปกว่า 40 ปี แล้ววันนี้เขาก็ยังเฉยเมย ไม่ได้มีท่าทีจะออกไปด้วยซ้ำ ดั้งนั้นจงปล่อยให้เขมรอดตายไปเลย ไม่ต้องเปิดด่ารอะไรทั้งนั้น เพราะเขมรเชื่อใจไม่ได้ แม้อนาคตเราจะให้มันกินอิ่ม สุดท้ายวันนึงมันก็มารบราฆ่าฟันคนไทยอีก
ทั้งนี้มาถามถึงความคืบหน้าหลังจากเจ้าหน้าที่รังวัดเข้าไปวัดที่ดินในพื้นที่ของชาวบ้านหนองจานทั้ง 8 คนก่อนหน้านี้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่กรมที่ดินก็บอกว่าต้องใช้เวลาดำเนินการถึง 1 ปี ถึงจะได้โฉนดกลับคืนมา ซึ่งตนก็รู้สึกว่ามันนาน แต่ถ้ารอ 1 ปีแล้วได้โฉนดมา จากนั้นชาวบ้านสามารถเข้าไปทำมาหากินในพื้นที่นั้นได้ ตนก็ยินดีที่จะรอ แต่ตอนนี้มันก็ยังไม่มีอะไรยืนยันว่าหากได้โฉนดที่ดินมาแล้วจะสามารถเข้าไปทำมาหากินได้เลย หรือได้เพียงแค่นอนกอดโฉนดไว้เฉยๆ มันก็ไม่ต่างอะไรก็กอดแผ่นกระดาษ
ดังนั้นตนจึงฝากไปยัง “นายอนุทิน“ นายกคนใหม่ ขอให้ลงพื้นที่มาดูด้วยตัวเองจะได้เห็นความเดือดร้อนของชาวบ้านหนองจานและชาวบ้านตรงชายแดนแห่งนี้ และจะได้รับรู้ความรู้สึกของชาวบ้านที่ถูกกัมพูชายึดที่ทำกินไป เพื่อเร่งจัดการคืนพื้นที่ทำกินซึ่งเป็นธิปไตยไทยกลับสู่ชาวหนองจาน ส่วนเรื่องการเปิดด่าน ตนก็ขอฝากถึง “นายอนุทิน” ด้วยว่า “ไม่ต้องเปิดด่านค่ะ ปิดไปอย่างนั้นแหละ ให้เขมรมันอดตายไปเลย ถ้าเปิดก็มีเรื่องอีก”
ต่อมาทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ นายปลิง อายุ 75 ปี ชาวบ้านภูมิซรอลอีกคนหนึ่ง ยืนยันว่าตนเองก็ไม่เห็นด้วยกับการเปิดด่าน ยกเว้นเสียแต่ว่าจะรอให้มีการสร้างรั้วกั้นแนวเขตพรมแดนไทยกัมพูชา เหมือนกับประเทศเวียดนาม หรือให้มีการเปิดด่านเข้าออกเพียงทางเดียว และมีเจ้าหน้าที่ทหารคอยตรวจเข้ม
ซึ่งสาเหตุที่ตนไม่อยากให้มีการเปิดด่านอีกครั้งเป็นเพราะว่าพวกเขมรไม่ซื่อสัตย์ ไม่อยากให้กลับเข้ามาในประเทศไทยอีกแล้ว คนพวกนี้ระวังยาก ถ้าในอนาคตยังไม่มีการสร้างรั้วก็คงจะมีการลักลอบเข้ามาอีก
เมื่อก่อนตนเองก็ยังเข้าป่าไปหาพวกหน่อไม้หรือเห็ดก็เจอทุ่นระเบิดอยู่หลายอัน โชคดีที่ตนไม่เคยได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิด แต่ถ้าไม่ชินทางเดินไปแล้วไม่สังเกตก็จะเหยียบทุ่นระเบิด ซึ่งทุ่นระเบิดดังกล่าวเป็นของที่พวกเขมรแดงมาวางเอาไว้แต่พอสงครามสงบก็ไม่เก็บกู้กลับไป แล้วก็มาอ้างว่าทุ่นระเบิดเป็นของไทย ไม่ใช่ของกัมพูชา
เมื่อถามว่ามีอะไรอยากกล่าวถึงนายกอนุทินหรือไม่ นายปลิง ก็บอกว่า ถ้าหากครั้งนี้นายอนุทินสามารถแก้ปัญหาแนวชายแดนได้เลือกตั้งครั้งหน้า ตนยืนยันว่าจะทุ่มลงคะแนนเสียงให้แน่นอน เพราะตอนนี้ชาวบ้านตามแนวชายแดนต่างก็ใช้ชีวิตอยู่กันอย่างยากลำบาก
สวนยางพาราของตนที่อยู่ติดกับแนวชายแดน ตนเองก็ไม่สามารถที่จะไปกรีดได้ ทำให้ตอนนี้ขาดรายได้ ตอนนี้ก็ยังใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดระแวง ขนาดเมื่อคืนมีเสียงเฮลิคอปเตอร์บินผ่าน ก็ยังตกใจกลัวว่าจะเป็นเสียงระเบิด
ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางมาที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 2 ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ เเละได้พูดคุยกับนายบุญแก้ว มาทอง อายุ 76 ปี อดีต
ทหารพราน และเป็นชาวบ้านภูมิซรอล หมู่ 2 เผยกับทีมข่าวว่า ตนเองไม่เห็นด้วยเลยกับการที่จะให้มีการเปิดด่านที่จ.สระแก้ว ให้พวกเขมรอยู่ในประเทศของตัวเองดีแล้ว ถ้าให้เข้ามาอีกก็กลัวว่าจะเข้ามายึดแผ่นดินไทย เพราะมองว่าเขมรยังไว้ใจไม่ได้
ตนเองเคยเป็นทหารพรานมาก่อนจึงรู้จักพวกเขมรดี ในช่วงยุคสมัยเขมรแดงคนไทยเคยให้การช่วยเหลือพวกเขมรมาแล้ว พวกเขมรมาบอกว่าเป็นบ้านที่เมืองน้องกัน แต่สุดท้ายกลับลืมบุญคุณเนรคุณประเทศไทย และหันมาแว้งกัด ตอนนี้คนไทยที่ยากจนยังมีอีกตั้งเยอะควรที่จะหันมาช่วยเหลือคนไทยก่อนที่จะไปดูแลพวกเขมร
ก่อนที่ บอกว่าให้มีการสร้างรั้วถาวรกั้นพรมแดนไทยกัมพูชาไปเลยนั้นตนก็มองว่าดีอยู่เหมือนกันแต่จะสามารถทำได้หรือไม่ตนก็ไม่มั่นใจ เพราะไม่รู้ว่าพวกกัมพูชาจะยินยอมหรือไม่ ส่วนพื้นที่ภูมะเขือที่ไทยเรายึดได้ตนภูมิใจมาก เเละชื่นชมเเม่ทัพภาคที่ 2 อย่างมาก
ซึ่งในพื้นที่หมู่บ้านของตนก็เคยให้ความช่วยเหลือกับพวกกัมพูชา จนเขาเอาคนเข้ามาทำได้ในพื้นที่ประเทศไทย พอตนเข้าไปบอกเค้าก็อ้างว่าเป็นพื้นที่ของเขา จนตนเคยถึงขั้นเถียงกับพวกเขมรมาแล้ว โดยในตอนนั้นตนเองนั่งผิงกองไฟอยู่ จู่ๆ พวกกัมพูชาเมาเหล้ามาจากไหนไม่รู้ ก็เอาปืนมายิงขู่ลงกองไฟ แต่ยืนยันว่าตนไม่กลัวพวกเขมร เพราะขนาดลูกปืนผ่านหัวตนไปดัง “ชิ้ว” เเละปืน ค. ดัง “โป้ง” ตนยังไม่กลัวเลย
ถ้าพูดกันตามตรง ถ้าหากตนยังหนุ่มยังแน่นและมีเรี่ยวแรงตนก็อยากไปสู้รบกับพวกเขมร ตนเคยปาดคอเขมรแดงเสียบที่ผามออีแดงมาเเล้ว ซึ่งตนเองผ่านมาแล้วทุกสมรภูมิ
ยืนยันว่าพวกกลับระเบิดหรือทุ่นระเบิดมีแต่พวกเขมรเท่านั้นที่ใช้ไม่มีคนอื่นแน่นอน ถ้าพูดกันตามตรงพวกเขมรแดงก็คือพวกเขมรที่ฮุนเซนไม่รับกลับประเทศ
และอีกอย่างหนึ่งที่พวกเขมรไว้ใจไม่ได้ในสมัยที่ตนเป็นทหารพรานก็คือมีพวกเล่นของ ในสมัยที่คนไทยผลักดันเขมรออกนอกพื้นที่ พวกเขมรมีการเอา “ยาสั่ง” ไปใส่ตามน้ำลำคลอง พอทหารไทยกินเข้าไปก็ตายหลายคน พวกเขมรมีวิชาเยอะ ไว้ใจไม่ได้
Advertisement