แม้เด็กและเยาวชนจะอยู่ในช่วงวัยแห่งการเติบโตและเรียนรู้ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าบางครั้งพวกเขาอาจกระทำความผิดตามกฎหมายเช่นเดียวกับผู้ใหญ่ การจัดการกับกรณีเด็กหรือเยาวชนที่ทำผิดจึงต้องคำนึงถึงลักษณะเฉพาะของวัย เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมเป็นไปอย่างเท่าเทียมและเหมาะสม
สำหรับการจับกุมเด็กและเยาวชนในคดีอาญาจะต้องคำนึงถึงเกณฑ์อายุที่กำหนดไว้โดยกฎหมาย ซึ่งครอบคลุมเด็กหรือเยาวชน ที่มีอายุตั้งแต่ต่ำกว่า 12 ปีจนถึง 18 ปี มีกระบวนการและขั้นตอนที่แตกต่างจากการจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นผู้ใหญ่ เพื่อคุ้มครองสิทธิและสวัสดิภาพของเด็กอย่างเหมาะสม
โดยมีกฎหมายสำคัญที่เป็นหลักเกณฑ์ในการดำเนินการ ได้แก่ พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 และพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 29) พุทธศักราช 2565
เกณฑ์อายุเด็กและเยาวชนในทางกฎหมาย
เมื่อมีการจับกุมเด็กและเยาวชน (อายุต่ำกว่า 12 – 18 ปี) ตำรวจต้องแจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามกฎหมายให้เด็กและเยาวชนทราบ จากนั้นให้นำตัวเด็กหรือเยาวชนไปยังที่ทำการของพนักงานสอบสวนโดยเร็ว เพื่อทำการสอบสวนและดำเนินกระบวนการตามกฎหมาย พร้อมส่งตัวเด็กหรือเยาวชนที่ถูกจับไปยังศาลเพื่อตรวจสอบการจับกุมภายใน 24 ชั่วโมง
กรณีเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี
พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายคุ้มครองเด็ก ซึ่งอยู่ภายใต้ “กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์” โดยต้องดำเนินการดังนี้
• สืบเสาะและพินิจข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกำหนดแนวทางคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก
• จัดประชุมผู้เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแผนแก้ไขฟื้นฟูเด็ก วิธีการคุ้มครองสวัสดิภาพ การยุติการคุ้มครอง รวมถึงการเยียวยาผู้เสียหาย
กรณีเด็กอายุ 12 – 15 ปี
• แจ้งผู้ปกครอง และแจ้งสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เพื่อสืบเสาะและจัดทำแผนแก้ไข บำบัด ฟื้นฟู และส่งให้ตำรวจ อัยการ และศาล ภายใน 30 วัน
• นำตัวเด็กส่งต่อศาลเยาวชนและครอบครัว ภายใน 24 ชั่วโมง
• ศาลเยาวชนและครอบครัวพิจารณาคดี หากศาลเห็นว่ายังไม่สมควรพิพากษาลงโทษ จะดำเนินการว่ากล่าวตักเตือน ปล่อยตัวชั่วคราว (มีหรือไม่มีประกัน) ส่งตัวเด็กไปยังสถานศึกษาและฝึกอบรมหรือมอบตัวเด็กให้อยู่กับบุคคลหรือองค์กรที่ศาลเห็นสมควร พร้อมกำหนดเงื่อนไขให้เด็กต้องปฏิบัติตามในระยะเวลาที่กำหนด
กรณีเด็กอายุ 15 – 18 ปี
• หากศาลเห็นว่ายังไม่สมควรพิพากษาลงโทษ จะดำเนินการเช่นเดียวกับเด็กและเยาวชนอายุ 12 – 15 ปี
• หากศาลเห็นสมควรพิพากษาลงโทษ จะลดโทษกึ่งหนึ่งของโทษทางกฎหมายที่กำหนดไว้ สำหรับความผิดในคดีอาญา หรือสั่งโอนคดีไปยังศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีธรรมดาได้ (ในกรณีที่เด็กหรือเยาวชนที่ทำความผิดมีร่างกาย จิตใจ สติปัญญา และนิสัยเหมือนผู้ใหญ่)
ความรับผิดทางแพ่งของเด็กและเยาวชน
ถึงแม้เด็กและเยาวชนบางกลุ่มอาจไม่ได้รับโทษทางอาญา แต่ในทางแพ่งยังต้องรับผิดชอบ โดยพ่อแม่หรือผู้ปกครองต้องร่วมรับผิดชอบกับเด็กด้วย เพื่อให้เกิดความรับผิดชอบในทางกฎหมายครบถ้วน
ที่มา : กรมประชาสัมพันธ์
Advertisement