คำเรียก "พระยาละแวก" ในเอกสารไทยมักจะหมายถึงกษัตริย์กัมพูชาหลายพระองค์ที่ปกครองอยู่ ณ เมืองละแวก ซึ่งเป็นราชธานีในยุคนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมเด็จพระบรมราชาที่ 3 และ สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 ที่เป็นกษัตริย์ที่รบพุ่งกับสยามอย่างต่อเนื่องในสมัย สมเด็จพระมหาธรรมราชา และ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
สมเด็จพระบรมราชาที่ 3 (ครองราชย์ พ.ศ. 2108–2119) เป็นหนึ่งในกษัตริย์กัมพูชาที่ถูกเรียกว่า "พระยาละแวก" ในพงศาวดารไทย พระองค์ทรงขึ้นครองราชย์ที่ เมืองละแวก ซึ่งเป็นศูนย์กลางอำนาจใหม่ของกัมพูชาหลังจากที่เมืองพระนครเริ่มเสื่อมลง
ในช่วงรัชสมัยของสมเด็จพระบรมราชาที่ 3 นี้เอง ที่กัมพูชาได้แสดงความเป็นอิสระและเริ่มมีท่าทีแข็งกร้าวต่อสยาม พระองค์ทรงนำทัพเข้าโจมตีกรุงศรีอยุธยาถึง 2 ครั้ง ในสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช โดยครั้งแรกใน พ.ศ. 2113 และ 2118 แม้จะไม่สามารถตีเมืองหลวงของสยามได้สำเร็จ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการขยายอิทธิพลและฉวยโอกาสที่สยามกำลังติดพันศึกสงครามกับพม่า
สมเด็จพระบรมราชาที่ 3 (พระยาละแวก) มีบทบาทสำคัญในการสร้างความตึงเครียดให้กับความสัมพันธ์ระหว่างสยามและกัมพูชา ด้วยการที่ทรงนำทัพเข้ามารุกรานหัวเมืองของสยามในจังหวะที่สยามกำลังอ่อนแอและต้องเผชิญหน้ากับพม่า ซึ่งการกระทำนี้ถือเป็นการ "ตีท้ายครัว" หรือ "แทงข้างหลัง" ในมุมมองของฝ่ายสยาม
แม้สมเด็จพระบรมราชาที่ 3 จะสวรรคตไปใน พ.ศ. 2119 และ สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 ผู้เป็นพระราชโอรสขึ้นครองราชย์ต่อ แต่การกระทำของกัมพูชายังคงดำเนินต่อไป ซึ่งท้ายที่สุดก็นำไปสู่การแก้แค้นครั้งใหญ่ของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
เมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเสด็จขึ้นครองราชย์และทรงกอบกู้เอกราชจากพม่าได้สำเร็จ พระองค์ทรงถือว่าการรุกรานของพระยาละแวกเป็นการละเมิดและเป็นการสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อสยาม ดังนั้น เมื่อทรงว่างจากการศึกพม่า พระองค์จึงทรงมีพระราชดำริที่จะยกทัพไปปราบปรามกัมพูชา
การเตรียมการทัพครั้งใหญ่เกิดขึ้น โดยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงนำทัพหลวงเข้าโจมตีเมืองละแวก ซึ่งเป็นราชธานีของกัมพูชาในขณะนั้น การรบเป็นไปอย่างดุเดือดและยืดเยื้อ ท้ายที่สุด กองทัพสยามก็สามารถตีเข้ายึดเมืองละแวกได้สำเร็จ พระยาละแวกทรงพ่ายแพ้และเสด็จหนีไป
จากพงศาวดารไทยหลายฉบับระบุว่า หลังจากการยึดเมืองละแวกได้สำเร็จ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงมีพระราชบัญชาให้ตามจับพระยาละแวกให้ได้ บางบันทึกกล่าวว่าพระยาละแวกถูกจับและสำเร็จโทษในที่สุด ขณะที่บางบันทึกกล่าวว่าพระองค์สิ้นพระชนม์ระหว่างหลบหนี อย่างไรก็ตาม ผลจากสงครามครั้งนี้ทำให้กัมพูชาต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของสยามไปอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ชื่อ "พระยาละแวก" จึงกลายเป็นคำที่คนไทยใช้เรียกกษัตริย์กัมพูชาในสมัยนั้น และโดยนัยยะคือการเรียกชาวกัมพูชาโดยรวมในบริบทของความขัดแย้งทางประวัติศาสตร์ช่วงนั้น สาเหตุหลักก็คือเมืองละแวกเป็นราชธานีและศูนย์กลางอำนาจในช่วงที่กษัตริย์พระองค์นี้ทรงสร้างปัญหาให้กับสยามนั่นเอง
เรื่องราวของพระยาละแวกจึงเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างไทยและกัมพูชา ที่เต็มไปด้วยทั้งความร่วมมือ ความขัดแย้ง และการเผชิญหน้ากันในอดีต
Advertisement