Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
แผนเผชิญเหตุตามหลักสากล รพ.รับมืออย่างไรในสถานการณ์สู้รบ ภัยสงคราม

แผนเผชิญเหตุตามหลักสากล รพ.รับมืออย่างไรในสถานการณ์สู้รบ ภัยสงคราม

24 ก.ค. 68
11:31 น.
แชร์

แผนเผชิญเหตุของโรงพยาบาลหรือหน่วยงานด้านการแพทย์ในสถานการณ์ "สู้รบ" หรือ "ภัยสงคราม" มีขั้นตอนอย่างไร ความเสี่ยงรูปแบบไหนที่ต้องอพยพผู้ป่วย

แผนเผชิญเหตุของโรงพยาบาลหรือหน่วยงานด้านการแพทย์ในสถานการณ์ "สู้รบ" หรือ "ภัยสงคราม" ถือเป็นหนึ่งในแนวทางการจัดการวิกฤติที่สำคัญและต้องมีการเตรียมพร้อมตามมาตรฐานสากล ทั้งในระดับประเทศและระดับระหว่างประเทศ เช่น มาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO), สภากาชาดสากล (ICRC), และแนวทางขององค์กรด้านความมั่นคงสุขภาพ อย่าง Global Health Security Agenda (GHSA) หรือ Inter-Agency Standing Committee (IASC)

แนวทางแผนเผชิญเหตุในสถานการณ์สู้รบ มาตรฐานสากลสำหรับโรงพยาบาล

1. การประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment & Hazard Mapping)

• วิเคราะห์พื้นที่ตั้งของโรงพยาบาลว่าอยู่ใน "พื้นที่เสี่ยง" หรือไม่

• ประเมินโอกาสที่โรงพยาบาลจะถูกโจมตี (เช่น ใกล้ฐานทัพ, พื้นที่ยุทธศาสตร์)

• การจัดทำ "แผนผังการอพยพ" (Evacuation Maps) ล่วงหน้า

อ้างอิง : WHO Health Emergency Risk Assessment (HERA Framework)

2. แผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Health Continuity Plan / HCP)

• รักษาการทำงานของ "บริการจำเป็น " เช่น ER, OR, ICU, NICU

• มีระบบสำรองไฟฟ้า น้ำ ออกซิเจน เครื่องมือแพทย์

• ระบบซัพพลาย (ยา อุปกรณ์) ต้องมีคลังสำรองอย่างน้อย 72 ชม. – 1 สัปดาห์

• ระบบสื่อสารสำรอง (วิทยุสื่อสาร, ดาวเทียม)

อ้างอิง : PAHO/WHO Hospital Safety Index; USAID Continuity of Operations Plan (COOP)

3. การจำลองสถานการณ์ (Simulation & Drill)

• ฝึกซ้อมภาคปฏิบัติ (Table-top exercise / Field drill)

• ฝึกซ้อมทั้งเจ้าหน้าที่ใน รพ. เจ้าหน้าที่ EMS และหน่วยงานภายนอก เช่น ตำรวจ ทหาร อปพร.

• กำหนด "เจ้าหน้าที่บัญชาการเหตุการณ์ (Incident Commander)" ชัดเจน

อ้างอิง : IASC Emergency Response Preparedness (ERP); WHO SimEx Manual

4. แผนการจัดการผู้บาดเจ็บจำนวนมาก (Mass Casualty Incident – MCI Plan)

• มีระบบ "Triage" หรือคัดแยกผู้บาดเจ็บตามระดับเร่งด่วน (เช่น สีแดง-เหลือง-เขียว-ดำ)

• พื้นที่รับผู้บาดเจ็บแยกตามระดับความรุนแรง

• ระบบจัดลำดับการผ่าตัดเร่งด่วน

• พื้นที่ศพแยก (Morgue Zone)

อ้างอิง : WHO Mass Casualty Management Systems: Strategies & Guidelines for Building Health Sector Capacity

5. ระบบรักษาความปลอดภัยในโรงพยาบาล (Hospital Safety & Security)

• ระบบควบคุมทางเข้า-ออก

• แผนปิดล้อม (Lockdown) กรณีเกิดการบุกโจมตี

• ระบบแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า (Early Warning System)

• อบรมเจ้าหน้าที่ให้เข้าใจวิธี "พาตัวเองและผู้ป่วยเข้าสู่ที่ปลอดภัย"

อ้างอิง : Inter-Agency Standing Committee (IASC) Minimum Operating Security Standards (MOSS)

6. แผนการอพยพผู้ป่วย (Evacuation Plan)

• จัดประเภทผู้ป่วย : ผู้ป่วยนอนติดเตียง ผู้ป่วยวิกฤติ ผู้ป่วยช่วยเหลือตัวเองได้

• วิธีการเคลื่อนย้ายอย่างปลอดภัย (เครื่องมือ / เจ้าหน้าที่ / ทางหนีไฟ)

• สถานพยาบาลสำรอง (Sister Hospital หรือ Field Hospital)

อ้างอิง : WHO: Safe Hospitals in Emergencies and Disasters – Structural, Non-structural and Functional Indicators

7. การจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม (Field Hospital / Mobile Medical Unit)

• ใช้ในกรณีที่โรงพยาบาลหลักเสียหายหรือมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

• สามารถเคลื่อนย้าย เคลื่อนที่ได้

• บางประเทศใช้ระบบ "Mobile Trauma Teams" ร่วมกับทหารหรือหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน

• ต้องมีระบบประสานงานกับโรงพยาบาลหลัก

อ้างอิง : ICRC Emergency Medical Services Guidelines

8. ระบบข้อมูลสุขภาพและติดตามผู้ป่วย (Health Information System – HIS)

• ระบบจัดเก็บข้อมูลผู้บาดเจ็บ / ผู้เสียชีวิต

• ระบบติดตามตัวบุคคล (กรณีพลัดหลง / สูญหาย)

• ระบบการสื่อสารร่วมกับญาติ / หน่วยงานราชการ

อ้างอิง : WHO eHealth and mHealth Interoperability Standards

9. การดูแลสุขภาพจิตบุคลากรและผู้ประสบภัย (Mental Health and Psychosocial Support – MHPSS)

• มีทีมให้คำปรึกษา / นักจิตวิทยา / นักสังคมสงเคราะห์

• พื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบทางจิตใจ

• การฝึก Resilience ในบุคลากร

อ้างอิง : IASC Guidelines on Mental Health and Psychosocial Support in Emergency Settings

องค์ประกอบหลักของแผนเผชิญเหตุสงครามในโรงพยาบาล

• ประเมินความเสี่ยงและกำหนดขอบเขต

• วางระบบเผชิญเหตุและซ้อมแผน

• เตรียมทรัพยากร บุคลากร ระบบสนับสนุน

• สื่อสารและประสานงานกับหน่วยงานภายนอก

• ปกป้องบุคลากรและคนไข้

• วางระบบข้อมูลและดูแลจิตใจ

ล่าสุด วันนี้เมื่อเวลา 09.00 น. รพ.พนมดงรัก เคลื่อนย้ายผู้ป่วย ออกจาก รพ. หมดแล้ว ส่วนรพ.กาบเชิง กำลังเคลื่อนย้าย คนไข้

จากเหตุปะทะบริเวณ ปราสาทตาเมือนธม ขณะนี้สถานบริการของ กระทรวงสาธารณสุข เริ่มปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุ โดย รพ.พนมดงรัก เคลื่อนย้ายผู้ป่วย ออกจาก รพ. หมดแล้ว ส่วนรพ.กาบเชิง กำลังเคลื่อนย้าย คนไข้ตามแผน

Advertisement

แชร์
แผนเผชิญเหตุตามหลักสากล รพ.รับมืออย่างไรในสถานการณ์สู้รบ ภัยสงคราม