การลาคลอดถือเป็นสิทธิพื้นฐานของผู้หญิงที่หลายประเทศทั่วโลกให้ความสำคัญ โดยเฉพาะในยุคที่บทบาทของผู้หญิงในตลาดแรงงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การสนับสนุนให้แม่สามารถดูแลลูกในช่วงเริ่มต้นชีวิตได้อย่างเต็มที่ ไม่เพียงส่งเสริมสุขภาพของแม่และเด็ก แต่ยังส่งเสริมพัฒนาการและความผูกพันของลูกในระยะเริ่มต้นอีกด้วย
นโยบายการลาคลอดในแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน ทั้งในด้านระยะเวลาและค่าตอบแทน โดยจากข้อมูลของ World Population Review ได้มีการจัดอันดับ 10 ประเทศที่ให้สิทธิลาคลอดมากที่สุดในโลก ประจำปี 2025
10 อันดับประเทศที่ให้สิทธิลาคลอดมากที่สุด (หน่วย : สัปดาห์)
1.บัลแกเรีย (Bulgaria) – 58.4 สัปดาห์
2.นอร์เวย์ (Norway) – 49.0 สัปดาห์
3.กรีซ (Greece) – 43.0 สัปดาห์
4.สหราชอาณาจักร (United Kingdom) – 39.0 สัปดาห์
5.เกาหลีเหนือ (North Korea) – 34.0 สัปดาห์
6.สโลวาเกีย (Slovakia) – 34.0 สัปดาห์
7.โครเอเชีย (Croatia) – 30.0 สัปดาห์
8.สาธารณรัฐเช็ก (Czech Republic) – 28.0 สัปดาห์
9.ไอร์แลนด์ (Ireland) – 26.0 สัปดาห์
10.นิวซีแลนด์ (New Zealand) – 26.0 สัปดาห์
สิทธิลาคลอดในประเทศไทย
สำหรับประเทศไทย ล่าสุดสภาผู้แทนราษฎรได้มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่...) โดยมีสาระสำคัญคือ
• ขยายสิทธิลาคลอดของลูกจ้างหญิง จากเดิม 98 วันเป็น 120 วัน
• ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้าง 60 วันในช่วงวันลา
• สิทธิลาหยุดเพิ่มเติมอีก 15 วัน กรณีที่บุตรมีภาวะเจ็บป่วยเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อน
• สิทธิการลาให้กับคู่สมรสที่คลอดบุตร 15 วัน ซึ่งต้องใช้สิทธิภายใน 90 วันนับแต่วันที่คลอดบุตร และให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างเต็มจำนวน 100% ตลอดระยะเวลาที่ลา
แม้ระยะเวลาการลาคลอดที่แต่ละประเทศกำหนดจะแตกต่างกันไปตามนโยบายและบริบททางสังคมของแต่ละแห่ง แต่หลายประเทศก็ยังมีมาตรการเสริมหรือสิทธิพิเศษเพิ่มเติม เพื่อส่งเสริมบทบาทของแม่ในการเลี้ยงดูลูกให้เป็นไปอย่างมีคุณภาพ
ที่มา: https://worldpopulationreview.com/country-rankings/maternity-leave-by-country (World Population Review – Maternity Leave by Country 2025)
Advertisement