วันที่ 31 พ.ค. 68 ที่จ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีคำสั่งให้ ส.ต.อ.ศิรวัฒน์ (สงวนนามสกุล) สังกัดกองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค5 (กก.ปพ.บก.สส.ภ.5) ออกจากราชการไว้ก่อน หลังก่อเหตุเมาสุราขับรถเฉี่ยวชนคู่กรณี ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร และดูหมิ่นเจ้าพนักงานในพื้นที่ สภ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ โดยถูกดำเนินคดีอาญาถึง 4 ข้อหา
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 พ.ค. 68 เวลา 11.00 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.สันกำแพง กำลังปฏิบัติหน้าที่ ได้รับแจ้งเหตุรถยนต์เฉี่ยวชนกันบริเวณถนนวงแหวนรอบสามแยกต้นเปา เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบ ส.ต.อ.ศิรวัฒน์ แสดงตัวเป็นผู้ขับขี่ และมีคู่กรณี โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรกำลังสอบถามรายละเอียด ส.ต.อ.ศิรวัฒน์ ซึ่งมีอาการมึนเมาสุราอย่างเห็นได้ชัดได้ใช้คำพูดด่าทอดูหมิ่นเหยียดหยาม และใช้กำลังทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร จนได้รับบาดเจ็บ
หลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวนได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และนำคู่กรณีไปเจรจาไกล่เกลี่ยที่ สภ.สันกำแพง พร้อมทั้งได้ทำการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายของ ส.ต.อ.ศิรวัฒน์ ซึ่งผลการตรวจพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์สูงถึง 221 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
ต่อมาเมื่อวันที่ 29 พ.ค. 68 ส.ต.อ.ศิรวัฒน์ ถูกพนักงานสอบสวน สภ.สันกำแพง แจ้งข้อกล่าวหา "ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นได้รับความเสียหาย, ขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น, ทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่หรือเพราะได้กระทำการตามหน้าที่"
ตำรวจภูธรภาค5 ได้ออกมาชี้แจงว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจ หรือปล่อยปละละเลยต่อกรณีดังกล่าวแต่อย่างใด โดย พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค5 (ผบช.ภ.5) ได้สั่งการให้ สภ.สันกำแพง ดำเนินคดีกับ ส.ต.อ.ศิรวัฒน์ทุกข้อหา โดยไม่มีการละเว้น และให้กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค5 ตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง เพื่อลงโทษตามระเบียบของทางราชการอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างในการประพฤติตนไม่สมควร และกระทบต่อภาพลักษณ์ของข้าราชการตำรวจโดยรวม
ทั้งนี้ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค5 (ผบก.สส.ภ.5) ได้มีคำสั่ง บก.สส.ภ.5ที่204/2568 ลงวันที่ 30 พ.ค. 68 ให้ ส.ต.อ.ศิรวัฒน์ออกจากราชการไว้ก่อน
จากการตรวจสอบประวัติของ ส.ต.อ.ศิรวัฒน์ พบว่าเมื่อปลายปี 67 เจ้าตัวเคยถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงในข้อหา "กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง"มาแล้ว และคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงของ บก.สส.ภ.5 ได้มีความเห็นควรลงโทษโดยไล่ออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค. 68 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาออกคำสั่งไล่ออกราชการต่อไป
การดำเนินการครั้งนี้ ถือเป็นการเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการธำรงรักษาวินัย และความประพฤติของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน
Advertisement