Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
หวนคืนในรอบ 10 กว่าปี “อเล็กซานดร้า” เผยเหตุผลช่วงเวลาที่หายไปจากวงการ

หวนคืนในรอบ 10 กว่าปี “อเล็กซานดร้า” เผยเหตุผลช่วงเวลาที่หายไปจากวงการ

16 ก.ค. 68
23:45 น.
แชร์

หวนคืนในรอบ 10 กว่าปี "อเล็กซานดร้า ธิดาวัลย์ บุญช่วย" นางเอกละครดังเชื่อมความสัมพันธ์ไทย-ลาว เผยเหตุผลช่วงเวลาที่หายไปจากวงการ

ย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปีก่อน วงการบันเทิงไทยแจ้งเกิดสาวน้อยลูกครึ่งลาว-บัลแกเรีย ในฐานะนางเอกละครเรื่องดังที่เชื่อมความสัมพันธ์ไทย-ลาว จนเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ อย่าง "อเล็กซานดร้า ธิดาวัลย์ บุญช่วย" ในวัยเพียง 17 ปี แต่ทว่าแฟนๆ ก็ได้เห็นหน้าเห็นผลงานของเจ้าตัวเพียงไม่กี่ปี ก่อนจะหายไปจากหน้าจอ

อมรินทร์ออนไลน์สัมภาษณ์พูดคุยกับอเล็กซานดร้า หลังหวนคืนในรอบ 10 กว่าปี ช่วงเวลาที่หายไปจากวงการ บทเรียนที่ได้เจอ และก้าวต่อไปของชีวิตหลังกลับมาครั้งนี้

ตอนที่อายุ 17 ปี ได้ถูกเชิญมาออกรายการหนึ่ง แล้วก็ได้มีโอกาสร้องเพลง สาวลาวบ่าวไทย ผู้จัดก็เกิดเป็นไอเดียให้มีละครที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสาวลาวและบ่าวไทยจีบกัน ซึ่งในละครเรื่องนั้นก็ได้สร้างชื่อเสียงให้ซานดร้าอยู่ที่ประเทศไทยพอสมควร

ตอนนั้นก็ค่อนข้างกดดันในเรื่องของคิวงาน เพราะว่ารับงานทั้งทางฝั่งไทยและฝั่งลาว ซึ่งมันต้องบินไปบินมาตลอด ด้วยวัยอายุยังน้อยๆ เราก็ยังอยากเล่นอยากไปหาเพื่อน จนสุดท้ายเรากลายเป็นคนไม่มีเพื่อนเลย เพราะว่าทำงานตั้งแต่เด็ก อายุ 14 ปีก็เข้าวงการแล้ว เราไม่ได้คิดอะไรเลยตอนนั้น คิดแค่ว่า โอเค...แม่สั่งให้เข้าห้องอัดเสียง เราก็เข้า หลังจากนั้นมีละครติดต่อมา พอพ่อแม่อนุญาตให้มาทำงานอยู่ที่ไทย เราก็มา มีผู้จัดการคอยดูแลอย่างใกล้ชิด โดยที่ตอนนั้นวัยเพียง 17-18 ปี ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมากแล้วก็เกิดขึ้นแบบธรรมชาติ ตอนนั้นซานดร้ายังไม่คิดด้วยซ้ำว่ามันจะสร้างความจดจำให้กับแฟนๆ ได้จนถึงทุกวันนี้

อเล็กซานดร้า จากละครเพลงรักริมฝั่งโขง ปี 2550

สาเหตุหายไปจากวงการ

เป็นช่วงที่ถ้าจะพูดแล้วก็เป็นช่วงที่ไวรัลที่สุดในชีวิตเลย ด้วยความที่ชื่อเสียงกำลังเริ่มต้นขึ้น แต่ว่ามันอาจจะเป็นโชคชะตาหรืออะไรสักอย่างที่ทำให้เราต้องจากจุดนี้ไป ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่เรียนจบพอดี แล้วก็คิดว่าสองปีนี้เราให้เวลากับการทำงานล้วนๆ พออายุ 18 ปี จะเรียนต่อปริญญาโทก็ไม่ได้ เพราะซานดร้าเรียนจบไว ก็ต้องรอให้อายุครบ 20 ปี แล้วค่อยไปเอาทุนเรียน แล้วก็ได้ไปเรียนต่อจริงๆ ได้ทุนเต็ม 100% ของรัฐบาลญี่ปุ่น ที่จริงมันก็เป็นความตั้งใจตั้งแต่แรกเริ่มเลย ด้วยความที่พ่อแม่ปลูกฝังว่าการศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดนะลูก เหมือนมันถูกฝังมาในสมองตั้งแต่ยังเด็ก

ก็ไปใช้ชีวิตนักศึกษา เป็นคนธรรมดา ได้มีโอกาสเห็นโลกเห็นการใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกว่าเราจะต้องเสียดายอะไร เพราะว่ามันคือการตัดสินใจตั้งแต่แรกแล้ว แล้วเราก็ไม่เคยคิดที่จะอยากมีชื่อเสียงโด่งดัง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นมาแบบธรรมชาติ ตั้งแต่แจ้งเกิดอยู่ที่ฝั่งลาว แล้วก็ได้มาแสดงละครที่ไทย ทุกอย่างมันไปตามกระแสของมันเอง เราเองอายุยังน้อยเกินไปที่จะคิดว่าเราอยากอย่างนั้นอย่างนี้ ทุกอย่างเราทำโดยการดูแลภายใต้ผู้ปกครอง พ่อแม่

ชีวิตไม่เคยได้ออกนอกกรอบ จนวันที่ได้สัมผัสกับ “อิสระ”

ใช่ค่ะ ถูกปกป้องมาแบบอะไรก็แตะไม่ได้เลย แล้วก็ไม่ได้มีโอกาสได้เรียนรู้โลกหรือเห็นโลกมากเท่าไร เพราะฉะนั้นการที่เราได้มีโอกาสไปอยู่ประเทศญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ได้อยู่แบบนักศึกษาธรรมดาทั่วไป ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา มันเป็นประสบการณ์ที่คุณค่าของมันเปรียบเทียบกับอะไรไม่ได้เลย อิสระมาก อิสระแบบที่ไม่มีใครรู้จักเราเลย ไม่มีคิวงาน ทุกอย่างเราวางเอาเองหมดเลย ตั้งแต่บริหารชีวิตตัวเอง จัดการคิวต่างๆ จากที่เรามีคนทำให้ทุกอย่าง แต่ไปอยู่ที่นู้นไม่มีคนทำให้สักอย่าง เราจัดการตัวเองไม่เป็นเลย ต้องมานั่งนับหนึ่งใหม่ สำหรับคนทั่วไปมันอาจจะเป็นสิ่งที่ธรรมดา แต่สำหรับเราเองเราจัดการไม่ได้ในตอนแรก ก็เกิดผิดพลาดหลายครั้ง ใช้เวลา 6 เดือนถึงจะรู้สึกว่าโอเคมันเริ่มลงตัว

6 เดือนแรกที่ซานดร้าพักอยู่ในหอพักนักศึกษาของมหาวิทยาลัย รู้สึกว่ามันวุ่นวายมาก มีแต่ปาร์ตี้ ชอบนอนดึก เพื่อนมาเคาะห้องเราได้ทุกครั้ง จนเริ่มไม่ไหวแล้ว พอ 6 เดือนก็ขอย้ายออกมาอยู่คนเดียวเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่ ตอนนั้นจึงรู้สึกว่าเราสามารถให้เวลากับตัวเองได้เต็มที่ โดยที่ไม่มีใครมารบกวนเราจนเกินไป

จุดเปลี่ยนสู่การเป็นเสาหลักของครอบครัว

หลังจาก 3 ปี เรียนจบแล้ว ก็คิดอยากกลับมาอยากกลับคืนวงการ แต่ว่ามันก็ไม่เหมือนเดิม เพราะหลังจากนั้นซานดร้าเจออะไรหลายอย่างในชีวิต เสียพ่อที่เป็นเสาหลักครอบครัว ทุกอย่างมันเริ่มเข้ามาหาเรา และมันอาจจะเป็นช่วงเวลาที่ซานดร้าควรที่จะพิจารณาตัวเอง เรียนรู้ตัวเองให้เยอะขึ้น รู้สึกว่าช่วงที่ไปเรียนอยู่ที่ญี่ปุ่นมันเป็นประสบการณ์ที่เราต้องออกจากกรอบจากระบบ มีปาร์ตี้ เจอเพื่อน มีแฟน ทุกอย่างมันเป็นสิ่งที่เราควรผ่าน หลังจากเสียพ่อไป จึงรู้สึกว่าเราไม่มีใครคอยปกป้องเราอีกต่อไปแล้วนะ เราต้องเป็นเสาหลักให้ตัวเอง ให้แม่ ให้พี่ ใช้เวลานานที่จะเรียนรู้แล้วก็ปรับตัวเองให้เข้ากับโลกให้ได้

อเล็กซานดร้าและคุณพ่อ

หวนคืนในฐานะนักร้อง

ที่จริงซานดร้าเติบโตเดบิวต์ด้วยการเป็นนักร้อง เพียงแต่ว่าอยู่ในประเทศไทยได้เข้ามาในวงการการแสดง เพราะฉะนั้นแล้วการจับไมค์ของซานดร้ามันเป็นความเป็นธรรมชาติมากที่สุด

โจทย์ของซานดร้าที่ให้พี่บอย (อ.บอย เขมราฐ) ก็คือ ซานดร้าอยากได้เพลงที่เป็นจังหวะลูกทุ่งหมอลำซิ่ง เพื่อสร้างความเบิกบานความสนุกสนานให้กับผู้คน แล้วลุคที่ซานดร้าทำออกมาจะออกเป็นลุคแบบในละคร เพราะว่าเราคัมแบ็กเราก็อยากให้คนจดจำเราในภาพที่เราหายไป ที่เหลือเป็นไอเดียพี่บอยหมดเลย เรานัดเจอได้พบกัน ก็ได้เห็นบุคลิกภาพของเราว่าเราเป็นแบบไหน เราคิดว่าเราก็มีความเป็นอินเตอร์ หน้าตาอินเตอร์แบบนี้มากินต้มอึ่งไข่ มันจะแหวกลุคไปไหม พอพี่เขาแต่งมาให้แล้วซานดร้าได้ลองฟังดู ปรากฎว่าชอบ ก็โอเคเอาเลย (หัวเราะ)

พี่บอยเขาเป็นมืออาชีพ เป็นคนเก่งมากๆ เรื่องการประดิษฐ์เพลงขึ้นมา เรื่องการสร้างเพลงที่จะดูคาแรกเตอร์ของนักร้องคนนี้ แล้วทำเพลงให้เข้ากับบุคลิกของนักร้องคนนี้ให้ได้ แฟนๆ คือเซอร์ไพรส์มากที่เราร้องเพลงสไตล์นี้

อเล็กซานดร้า ในเพลงต้มอึ่งไข่

หลายคนอาจจะคิดว่าทิ้งวงการไปนานมาก กลับมาครั้งนี้น่าจะรู้สึกกดดันถ้ามันไม่เปรี้ยง แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่มีเลย ซานดร้าไม่ได้รู้สึกว่าเรากลัวหรือกดดัน กลัวผลตอบรับว่าทุกคนลืมเราไป ไม่มีเลย ซานดร้าทำทุกอย่างด้วยการที่เราเตรียมพร้อมทั้งสภาพกายและจิตใจมาเกินร้อย เพราะฉะนั้นทุกอย่างที่มันจะเกิด มันก็ต้องเกิด อันนี้ซานดร้าได้ทำความเข้าใจกับมันชัดเจนแล้ว สมมติว่าเพลงนี้ไม่ดัง ยังมีเพลงต่อๆ ไป ออกมาเรื่อยๆ คือเราค่อยๆ ทำไปตามความสามารถ ตามที่สภาพจิตใจของเรารับได้ ก็จะทำไปเรื่อยๆ ซึ่งความตั้งใจคืออยากทำสัก10-11 เพลง ในนั้นได้สักเพลงหนึ่งก็มีความสุขแล้วถ้าติดหูคน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าซานดร้าปิดกั้นที่จะไม่รับงานแสดงเลย ซานดร้าเปิดรับทุกงาน ถ้าซานดร้าทำได้ซานดร้าก็รับ

บทเรียนในวันวาน สอนให้รู้จักเข้าใจชีวิต

สิ่งที่ซานดร้าตกผลึกคือ ทุกอย่างที่เข้ามามันมีเวลาของมัน พอหมดเวลาของมันก็จะหายไป แต่สิ่งไหนที่มันเหมาะที่จะเป็นของเราอยู่กับเรา มันก็จะกลับมาอยู่ดี อันนี้ซานดร้าเชื่อ อันที่สองคือทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มันเสื่อมสลายไป แล้วผ่านมา บางทีเราไปยึดติดกับตรงนั้นตรงนี้ กังวลเกินเหตุ ทุกอย่างมันทำให้พลังในตัวเรามันหมดไป เพราะฉะนั้นแล้วทุกวันนี้ซานดร้าทำใจให้สบายกับทุกอย่าง ไม่ได้ไปคิดอะไรจนเกินไป ไม่ได้ไปอยากได้อะไรจนเกินไป บางทีการที่เราคิดอย่างนั้นอย่างนี้จนเกินไปมันทำให้ใจเราเป็นทุกข์แล้วก็กังวล

สมมติว่าปล่อยเพลงแล้วเขาไม่ชอบ จะทำยังไง หรือว่าไม่ปังเหมือนตอนที่เข้าวงการใหม่ๆ อันนี้ซานดร้าทำใจเลยเพราะว่าซานดร้าทำความเข้าใจแล้วว่า ทุกคนมีเกิดแล้วก็ต้องมีดับ มีเสื่อมสลาย เพราะฉะนั้นแล้ว ทำทุกวันนี้ให้ดีที่สุด วางใจให้มันถูก โดยที่เราไม่ไปคิดเยอะจนเกินไปกับสิ่งๆ นั้น ทุกอย่างมันก็จะค่อยๆเป็นค่อยๆไปกับมัน เตรียมพร้อมว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด

ซานดร้าได้คัมแบ็ก 100% แล้ว ตอนนี้พร้อมปล่อยผลงานใหม่ออกมาเรื่อยๆ ให้แฟนเพลงแล้วก็แฟนละครได้ติดตามชมกัน ซานดร้าปล่อยเพลงต้มอึ่งไข่ไปแล้วเต็มเพลง ใครที่ยังไม่ได้ฟังก็สามารถเข้าไปดูเอ็มวีเต็มได้ อยู่ที่ช่องยูทูปของซานดร้า ส่วนโซเชียลต่างๆ สามารถไปฟอลโลกันได้ทั้งไอจีทั้ง TikTok แล้วก็เฟซบุ๊กเพจ ก็เข้าไปฟังได้ตามสตรีมมิ่งต่างๆ ทั้งเพลงเก่าแล้วก็เพลงใหม่ที่จะออก ก็อยากให้ทุกคนลองเปิดใจฟังเพลงใหม่ของซานดร้าดูนะคะ

Advertisement

แชร์
หวนคืนในรอบ 10 กว่าปี “อเล็กซานดร้า” เผยเหตุผลช่วงเวลาที่หายไปจากวงการ