ชาวน้ำยืน ปัดฝุ่นหลุมหลบภัยตามหมู่บ้านจุดเสี่ยง หลังทหารไทยปะทะเขมร
ชาวบ้านน้ำยืน ปัดฝุ่นหลุมหลบภัยตามหมู่บ้านจุดเสี่ยง หลังทหารไทยปะทะทหารเขมร เผยยังทำมาหากินตามปกติ แต่ไม่สามารถขึ้นไปหาของป่าได้
จากกรณีเกิดเหตุปะทะกันระหว่าง ทหารไทยและทหารกัมพูชา ที่บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี เมื่อเวลา 05.45 น. วันที่ 28 พ.ค. 68 มีทหารกัมพูชา เสียชีวิต 1 ราย ซึ่งบริเวณพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตที่ยังไม่ได้มีการแบ่งเขตแดนอย่างเป็นทางการ ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา เป็นพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายมีการอ้างสิทธิ์ทับซ้อน ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วันที่ 29 พ.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ในพื้นที่ อ.น้ำยืนล่าสุด หลังจากมีการปะทะกันระหว่างทหารไทยและทหารเขมร โดยนายอำเภอประชุมเตรียมรับสถานการณ์ หากมีการปะทะเกิดขึ้นอีก เตรียมจุดอพยพหลบภัยตามหมู่บ้านจุดเสี่ยง และศูนย์อพยพที่อยู่ไกลจากแนวปะทะ ที่อำเภอเดชอุดม ส่วนชาวบ้านยังทำมาหากินตามปกติ แต่ไม่สามารถขึ้นไปหาของป่าได้ เพราะเกรงไม่ปลอดภัย พร้อมอยากให้สองประเทศกลับมาดีกัน
ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี นายอาทิตย์ บุษบา นายอำเภอน้ำยืน ประชุมหัวหน้าส่วนราชการ และกำนัน ผู้ใหญ่บ้านพื้นที่ตามแนวชายแดน เพื่อกำหนดมาตรการ หากมีการปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาจะมีการอพยพประชาชนไปอยู่ในที่ปลอดภัย ที่มีอยู่ตามหมู่บ้าน รวมทั้งตั้งศูนย์อพยพที่ อ.เดชอุดม ที่ไกลออกไปจากจุดปะทะ 8 จุด และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้จัดการจราจร เพื่ออำนวยความสะดวกตามเส้นทางสายหลัก และสายรองของอำเภอ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนระหว่างการอพยพด้วย
นายพีระพล บุญพจน์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 บ้านนาสามัคคี ต.ศรีวิเชียร อ.น้ำยืน จ.อุบลราชานี เปิดเผยว่า ตอนนี้กำลังทำความสะอาดหลุมหลบภัยที่ทางรัฐสร้างขึ้นเมื่อหลายปีก่อน เพิ่งมาทำความสะอาด เนื่องจากมีเหตุการณ์ความไม่สงบจากการปะทะกันของทหารกัมพูชา วันนี้จึงได้พากรรมการและลูกบ้านมาทำความสะอาด
นายพีระพล กล่าวอีกว่า บังเกอร์แห่งนี้สร้างมาประมาณ 6-7 ปี ช่วงที่มีการต่อสู้ในพื้นที่ของบ้านภูมิสลอน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ สามารถบรรจุชาวบ้านได้ประมาณ 60-70 คน ซึ่งก็ไม่เพียงพอต่อชาวบ้านต้องกระจายไปยังจุดอื่น ส่วนการสั่งการตอนนี้รอทางนายอำเภอเป็นผู้สั่งการเพียงผู้เดียว ตอนนี้ก็เป็นการทำความเข้าใจสถานการณ์กับชาวบ้าน และติดตามข่าวสารจากสื่อต่างๆ ชาวบ้านก็มีความกังวลบ้างนิดหน่อย
ด้าน น.ส.พรรณี อุปชาคำ อายุ 35 ปี แม่ค้าในบ้านโนนสูง ต.ศรีวิเชียร อ.น้ำยืน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่ปกติ จะมียอดขายที่เพิ่มขึ้น จากทางเจ้าหน้าที่ทหารที่เข้ามาในพื้นที่ สิ่งที่ขายได้เพิ่มขึ้นจะเป็นอาหารสุก ข้าวเหนียว และผักที่นำไปประกอบอาหาร ทำให้รายได้เพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่มาก
ส่วนเรื่องความกังวลใจนั้นก็มีบ้าง เพราะพื้นที่ตั้งของบ้านอยู่ในเขตที่กระสุนสามารถตกเข้ามาได้ แต่ตนเองยังไม่เคยเจอสถานการณ์สู้รบ
คอนเทนต์แนะนำ
Advertisement
