สาวคู่กรณีไหว้สวย ขอโทษ หญิงใจเด็ดเกาะกระโปรงรถ หลังชนแล้วหนี แจงที่ทำไปเพราะตกใจ ไม่มีใบขับขี่ และจะกลับไปตั้งหลัก
ความคืบหน้ากรณี รถเก๋งสีขาวชนแล้วหนี โดยมีหญิงสาวเสื้อสีน้ำเงินพยายามเกาะฝากระโปรงรถ บริเวณถนนราชวิถีมุ่งหน้าแยกซังฮี้ ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
ต่อมาวันที่ 30 ก.ค. 67 พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ได้นัดหมายให้ น.ส.เปิ้ล ผู้เสียหาย และ น.ส.พร อายุ 38 ปี คู่กรณี ซึ่งเป็นคนขับรถเก๋งสีขาวมาสอบปากคำ
โดยหลังสอบปากคำนานกว่า 3 ชั่วโมง น.ส.พร อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นผู้ขับรถเก๋งในวันที่เกิดเหตุ ชี้แจงว่า ช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์เฉี่ยวชนกันที่บริเวณหน้าโรงพยาบาลราชวิถี ตนไม่ไม่รู้เรื่อง และมารู้อีกทีตอนที่ น.ส.เปิ้ลตะโกนบอก ซึ่งตนก็พยายามโบกมือให้คู่กรณีชิดซ้าย เพื่อจอดมาพูดคุยกัน
แต่ขณะนั้นก็มีความคิดแทรกเข้ามาในหัวว่า ตนไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล และกังวลว่าถ้าลงไปพูดคุยจะเกิดอันตรายกับตน ทำให้ตนเลือกที่จะขับรถไปต่อ ถึงแม้ว่าคู่กรณีจะกระโดดเกาะฝากระโปรงหน้ารถก็ตาม ดูในระหว่างทางที่ขับรถวันนั้นตนก็ยอมรับว่าเกิดอาการกลัวเป็นอย่างมาก เพราะตนไม่ใช่คนในพื้นที่
โดนหลังจากมีการนำเสนอข่าวออกไป เช้าวันรุ่งขึ้น ตนก็มีความตั้งใจจะมาพบตำรวจ แต่ขณะนั้นมีญาติโทรมาสอบถามตนว่า ได้เตรียมเงินมาใช้ประกันตัวหรือไม่ ซึ่งตนไม่ได้เตรียมเงินมา จึงได้ขับรถกลับไปที่ จ.กาญจนบุรี และตนยืนยันว่าไม่เคยเสพสารเสพติด และในวันที่เกิดเหตุตนไม่ได้มีอาการมึนเมาสุราแต่อย่างใด ซึ่งในวันนี้ก็ได้มีการตรวจหาสารเสพติด ก็ไม่พบว่ามีสารเสพติดในร่างกาย
สำหรับวันนี้ทันทีที่ตนได้เจอกับคู่กรณี ก็ได้มีการยกมือไหว้ขอโทษ แต่เข้าใจว่าคู่กรณีน่าจะอยู่ในอารมณ์ที่โกรธอยู่ จึงไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกันมาก อยากจะขอโทษคู่กรณี และขอโทษสังคมกับสิ่งที่ตนทำไป
ขณะที่นายเต้ อายุ 26 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์ เปิดใจกับทีมข่าวว่า ก่อนหน้านี้น.ส.พรได้มาขอยืมรถไปใช้ตามปกติ เหมือนที่เคยยืมไปใช้อยู่บ่อยครั้ง โดย น.ส.พรบอกว่า ครั้งนี้จะมายืมรถไปสมัครงาน และหาเพื่อนที่กรุงเทพฯ ซึ่งตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร แต่ทันทีที่ น.ส.พรขับรถกลับมาถึงบ้าน ตนก็รู้สึกตกใจว่าทำไมรถของตนถึงเกิดความเสียหาย จึงได้มีการสอบถามพูดคุยกัน ซึ่งตนก็เข้าใจ น.ส.พร เพราะโดยปกติแล้วเป็นคนขี้กลัว และขี้ตกใจเป็นอย่างมาก
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าตนหนีไฟแนนซ์นั้น นายเต้ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ส่วนเรื่องที่รถยนต์ของตนไม่ได้ต่อ พ.ร.บ. มานานกว่า 3 ปี ตนก็ยอมรับในเรื่องนี้ พร้อมกับอ้างว่าไม่ค่อยมีเวลา และไม่ค่อยใช้รถยนต์ จึงทำให้ไม่ทราบว่า พ.ร.บ.หมดอายุนานแล้ว
เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ได้มีการแจ้ง 3 ข้อกล่าวหา คือ ชนแล้วหนี, ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น, และข้อหาทำร้ายร่างกาย ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ก่อนจะให้ประกันตัวชั่วคราวในชั้นสอบสวนโดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์ เนื่องจากผู้ต้องหาเดินทางเข้ามาพบพนักงานสอบสวนด้วยตนเอง โดยหลังจากนี้จะนัดวันให้ผู้ต้องหามาพบเพื่อส่งฟ้องศาลฯ ต่อไป ส่วนคดีจราจรนั้นก็ได้มีการปรับเป็นพินัยไปแล้ว
Advertisement