กู้ภัยดูดน้ำลุยเลน 4 ชม.ช่วยคนเมามุดท่อคลายร้อน แต่ไม่รอดพบเป็นศพ
หนุ่มนั่งดื่มฉลองสงกรานต์กับเพื่อน นึกครึ้มมุดท่อคลายร้อน เพื่อนนั่งรอกว่าครึ่งชม.ไม่โผล่ แจ้งกู้ภัยฯ ระดมช่วย 4 ชม.เจอร่าง สภาพสลด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อากาศที่ร้อนอบอ้าวหนุ่มเมียนมาจึงชวนกันลงเล่นน้ำแต่ด้วยอาการมึนเมาก็นึกสนุกมุดเข้าไปในท่อหวังว่าจะโผล่อีกด้านแต่กลับหายไป ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือดูดน้ำลุยเลนโคลน 4 ชั่วโมงจึงนำร่างไร้วิญญาณออกมาได้
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่15เมษายน 2566 ร.ต.อ.รังสรรค์ ดีรอด พนักงานสอบสวนสภ.ลาดใหญ่ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือว่ามีคนลงไปเล่นน้ำและมุดหายเข้าไปในท่อลอดถนนลาดใหญ่บ้านตะวันจาก ม.9 ต.ลาดใหญ่ อ.เมืองสมุทรสงคราม จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างเบญจธรรมสมุทรสงคราม นำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นท่อลอดถนนขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.2 เมตร ซึ่งฝังอยู่ใต้ถนนกว้างประมาณ 10 เมตร ซึ่งมีน้ำเต็มท่อ
เจ้าหน้าที่จึงประสานรถดับเพลิงและเครื่องหาบหามรวมทั้งรถแบ็คโฮขนาดใหญ่มาปิดทางไหลของน้ำเพื่อจะดูดน้ำออกจากท่อระบายน้ำดังกล่าว แต่เนื่องด้วยเป็นช่วงน้ำขึ้นเจ้าหน้าที่ต้องทำงานอย่างยากลำบากกระทั่งสามารถดูดน้ำออกจนหมดแต่ก็ยังไม่พบร่างผู้สูญหาย เนื่องจากภายในท่อมีดินโคลนจำนวนมากและท่อมีความยาวประมาณ 10 เมตร
เจ้าหน้าที่ต้องทำงานด้วยความระมัดระวังโดยใช้เหล็กเส้นต่อจนยาว 22 เมตรผูกเชือกแทงเข้าไปในท่อให้ทะลุอีกฝั่ง ขณะที่เจ้าหน้าที่ใช้ถังออกซิเจนมุดท่อลุยเข้าไปเพื่อค้นหาร่างผู้สูญหาย โดยปฏิบัติการค้นหาครั้งนี้ใช้เวลา 4 ชั่วโมงจนถึงเวลา 20.30 น.จึงสามารถนำร่างผู้สูญหาย
ทราบชื่อต่อมาคือ นายมินเตน สัญชาติเมียนมาซึ่งเสียชีวิตในสภาพนุ่งกางเกงตัวเดียวจมโคลนในท่อระบายน้ำขึ้นมาทำความสะอาด ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ลงไปช่วยแต่ละนายก็เปื้อนโคลนกันเต็มร่างกาย ต้องใช้เครื่องดับเพลิงฉีดน้ำทำความสะอาดร่างกายเช่นกัน
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าวันนี้เป็นวันหยุดนายมินเตนจึงมาหานายอ่องดินเพ ซึ่งเป็นเพื่อนและนั่งดื่มสุราขาวและด้วยอากาศที่ร้อนอบอ้าวจึงชวนกันมาลงเล่นน้ำหาปลา จู่ๆ นายมินเตนที่มีอาการมึนเมาก็นึกสนุกมุดเข้าไปในท่อหวังว่าจะโผล่อีกด้าน
โดยมีนายอ่องดินเพนั่งรออยู่ปากท่อเข้าไปนานเกือบ 30 นาทีก็ยังไม่โผล่ออกมา จึงขึ้นไปเรียกเพื่อนๆ ออกตามหา แต่ก็ไม่พบจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ขอความช่วยเหลือดังกล่าว
เจ้าหน้าที่จึงนำร่างนายมินเตนส่งชันสูตรเบื้องต้นที่โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป
Advertisement
