"สันธนะ" ยื่นข้อมูลยาเสพติดรายใหญ่โยงข้าราชการระดับสูงให้กระทรวงยุติธรรมตรวจสอบ เตรียมฟ้องกลับ "ชูวิทย์" ข้อหาแจ้งความเท็จ
วันที่ 22 พ.ย.65 นายสันธนะ ประยูรรัตน์ เข้ายื่นหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่ในประเทศไทย กับตัวแทนกระทรวงยุติธรรม หลังจากเดินทางไปขอคัดสำนวนคำฟ้องที่นายชูวิทย์ฟ้องร้องในข้อหาแจ้งความเท็จก่อนหน้านี้
โดยขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่นายสันธนะนำข้อมูลมายื่นวันนี้ เจ้าตัวอ้างว่ารวบรวมข้อมูลมาเป็นเวลานานหลายปีแล้วด้วยตัวเอง และเห็นว่าควรนำข้อมูลดังกล่าวมามอบให้กระทรวงยุติธรรม เนื่องจากเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมรับปากว่า หากตนเองมีข้อมูลก็พร้อมจะดำเนินการให้ วันนี้จึงนำข้อมูลทั้งหมดมาให้กับทางกระทรวงยุติธรรมไปดำเนินการ
ทั้งนี้ข้อมูลที่มีอยู่เชื่อว่ากระทรวงจะสามารถดำเนินการทลายเครือข่ายดังกล่าวได้ไม่ยาก ที่ผ่านมาไม่ได้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวเนื่องจากทราบว่ามีเจ้าหน้าที่และหลายภาคส่วนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องจำนวนมากจึงไม่อยากให้คนอื่นไปแสวงหาผลประโยชน์
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเครือข่ายค้ายาเสพติดดังกล่าวไปเกี่ยวพันกับผู้ใดบ้าง จะเป็นคนที่นายสันธนะกำลังมีปัญหาเป็นคู่กรณีอยู่หรือไม่ เจ้าตัวตอบเพียงว่า บุคคลดังกล่าวก็รู้ว่ามีเครือข่ายค้ายาเสพติดดังกล่าวอยู่ แต่ก็ไม่ดำเนินการอะไร ส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายค้ายาเสพติดดังกล่าว มีนักการเมืองชื่อดังซึ่งเคยปรากฏชื่อในข่าว และหากเอ่ยชื่อออกมาทุกคนก็รู้จัก
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การนำข้อมูลคดียาเสพติดดังกล่าวมาให้ เป็นการปัดความรับผิดชอบหรือตัดหางปล่อยวัดนักการเมืองชื่อดังที่เกี่ยวข้องกับทุนจีนสีเทาหรือไม่ เจ้าตัวปัดตอบเลี่ยงไปถึงเรื่องการดำเนินคดีเกี่ยวกับการดำเนินคดีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับคดีทุนจีนสีเทาแทน
โดยระบุว่า จากการพบกับ บิ๊กโจ๊ก พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติโดยบังเอิญเมื่อเช้าที่ศาลอาญา ได้เข้าไปสอบถามแล้วว่าการออกหมายจับดังกล่าวจะมีชื่อของตนเองหรือไม่ ซึ่งพลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ปฏิเสธว่า ไม่มีชื่อของตนเอง
นอกจากนี้นายสันธนะ ยังกล่าวถึงสำนวนคำฟ้องของนายชูวิทย์ที่ฟ้องร้องตนในข้อหาแจ้งความเท็จและทำให้เสียทรัพย์ เจ้าตัวได้ศึกษาคำฟ้องมาในเบื้องต้นพบว่า ภายในคำฟ้องมีการอ้างอิงข้อมูลและคำพูดจากสื่อมวลชนแขนงต่างๆ เท่านั้น แต่ไม่ปรากฏพยานหลักฐานเรื่องการแจ้งความเท็จหรือการทำให้เสียทรัพย์ของตนเอง
อีกทั้งยังมีการระบุถึงการถูกให้ออกจากราชการและการถูกถอดยศ ซึ่งเป็นเรื่องในอดีตที่ตนเองยินยอมพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว จึงบอกว่าการฟ้องร้องครั้งนี้ไม่มีอะไรและเตรียมพิจารณาฟ้องกลับในข้อหาเดียวกัน คือแจ้งความเท็จกับนายชูวิทย์
นอกจากนี้ ในวันพรุ่งนี้ (23 พ.ย.) เวลาประมาณ 8.00 -9.00 น. ตนทราบว่า นายชูวิทย์ จะเดินทางไปรัฐสภา เข้าพบ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของตน ซึ่งจริงแล้ว การทำหน้าที่ของ กมธ. จะเป็นการตรวจสอบกันเองของ ส.ส. หรือ นักการเมือง แต่ตนก็ยินดีให้ตรวจสอบ
อีกทั้ง เวลา 10.00 น. ตนนัดหมาย นายสุทา ประทีป ณ ถลาง รองประธานคณะ กมธ.การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ด้วยเช่นกัน จึงอยากมีโอกาสพบ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เพื่อพูดคุยเพิ่มเติมด้วย
Advertisement