ชีส (Cheese) หรือเนยแข็ง คือผลิตภัณฑ์จากนมที่ผ่านกระบวนการหมักบ่ม เริ่มจากการนำน้ำนมไปผ่านกระบวนการพาสเจอร์ไรส์หรือใช้น้ำนมดิบ จากนั้นเติมเชื้อแบคทีเรียแลคติกและเอนไซม์เรนนินเพื่อให้โปรตีนในนมตกตะกอนรวมตัวกันเป็นลิ่มสีขาว (Curd) ก่อนจะนำไปอัดเป็นก้อนและบ่มต่อเพื่อพัฒนาให้ได้รสชาติและเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันไป
สิ่งที่น่าสนใจคือ ชีสบางประเภทมีการใส่ "เชื้อรา" ลงไปในขั้นตอนการผลิตอย่างตั้งใจ ซึ่งเป็นเชื้อราที่ปลอดภัยและมีประโยชน์ต่อการบริโภค หนึ่งในประเภทชีสที่โดดเด่นที่สุดจากกรรมวิธีนี้ก็คือ บลูชีส (Blue cheese)
บลูชีสไม่ได้ขึ้นราจากความเก่าหรือการเก็บที่ไม่ถูกวิธี แต่เป็นชีสที่ตั้งใจใส่สปอร์ของเชื้อราตระกูล Penicillium (เช่น Penicillium roqueforti หรือ Penicillium glaucum) ลงไปในระหว่างกระบวนการผลิต เชื้อราเหล่านี้จะค่อย ๆ เจริญเติบโตแทรกซึมไปทั่วทั้งก้อนชีสจนกลายเป็นลายเส้นสีฟ้าปนเขียวอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ "บลูชีส" นั่นเอง
รสชาติ กลิ่น และเนื้อสัมผัสของบลูชีสจะแตกต่างกันไปตามชนิดของน้ำนม (วัว, แพะ, แกะ), ระยะเวลาในการบ่ม และกรรมวิธีของแต่ละท้องถิ่น ชีสชนิดนี้มีชื่อเรียกหลากหลายตามแหล่งผลิตทั่วโลก เช่น Roquefort (ร็อคฟอร์ต) จากประเทศฝรั่งเศส Stilton (สติลตัน) จากประเทศอังกฤษ Gorgonzola (กอร์กอนโซล่า) จากประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นบลูชีสตัวเอกในกรณีของร้าน London.cnx
“บลูชีส” มีกลิ่นค่อนข้างแรงและมีรสเค็มจัด มักนำมาทานคู่กับขนมปัง ผักสลัด หรือใช้เป็นส่วนผสมในซอส นอกจากนี้ยังนิยมทานคู่กับไวน์รสหวานเพื่อตัดความเค็มและเพิ่มมิติของรสชาติ
นอกจากรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว ชีสยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการสูง ทั้ง แคลเซียม และ โปรตีน ที่ช่วยบำรุงกระดูกและกล้ามเนื้อ มี วิตามินดี ที่ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม วิตามินบี 12 ที่บำรุงระบบประสาท และยังมีฟอสฟอรัสกับสังกะสี ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย
เหตุการณ์นี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่า การขาดความรู้ในเรื่องวัตถุดิบอาหารอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดและสร้างความเสียหายให้แก่ผู้ประกอบการได้ ในขณะเดียวกัน ทางร้านก็ได้เปิดเผยข้อมูล และไม่คิดจะดำเนินคดีใด ๆ เพียงแต่อยากให้ลูกค้าเปิดใจและทำความเข้าใจในความพิเศษของ Gorgonzola หรือ "นางฟ้าแห่งบลูชีส" ตัวนี้
ถึงแม้เรื่องราวนี้จะเริ่มต้นจากความเข้าใจผิด แต่ก็ได้สร้างความตระหนักรู้และเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับชีสประเภทนี้ให้แก่ผู้บริโภคมากขึ้น เป็นการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสในการให้ความรู้ด้านอาหาร ซึ่งอาจทำให้หลายคนเปิดใจลองชิมบลูชีส และค้นพบว่า "รา" ที่เห็นนั้น แท้จริงแล้วคือรสชาติอันซับซ้อนอย่างที่หลายคนทั่วโลกหลงรักมาอย่างยาวนานนั่นเอง
Advertisement