
เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2568 นายวสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคไทรวมพลัง จัดแถลงข่าวเปิดตัวผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค ทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท กรุงเทพมหานคร พร้อมประกาศจุดยืนและทิศทางการเมืองของพรรคในการเลือกตั้งครั้งนี้
นายวสวรรธน์ ระบุว่า ยังมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน โดยวันนี้ถือเป็นวันสุดท้ายก่อนเปิดรับสมัคร สส. อย่างเป็นทางการ แม้พรรคไทรวมพลังจะเปิดตัวผู้สมัครเป็นลำดับท้าย ๆ แต่ยืนยันว่าพรรคมีความพร้อมในการทำงาน และมีอดีต สส. หลายคนตัดสินใจเข้าร่วมอุดมการณ์เดียวกัน
สำหรับสโลแกนพรรค “เล็ก คิดใหญ่ ไทรวมพลัง” นายวสวรรธน์ เปิดเผยว่า ตลอดช่วงที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่ใช้ชีวิตอยู่ใกล้แนวชายแดนบริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ห่างจากพื้นที่ปฏิบัติการเพียงราว 10 กิโลเมตร ทำให้เข้าใจปัญหาอย่างลึกซึ้ง และมองว่านี่คือบทบาทสำคัญของพรรคการเมืองและผู้แทนราษฎร ที่ต้องยืนเคียงข้างประชาชนและทหารแนวหน้า
หัวหน้าพรรคไทรวมพลัง ย้ำว่า ในสถานการณ์ปัจจุบัน คนไทยไม่ควรแตกแยก แต่ต้องร่วมมือกันเพื่อหาทางออกและปกป้องอธิปไตยของประเทศ โดยประสบการณ์ด้านความมั่นคงที่ตนเคยสัมผัสมา ทำให้เห็นความจำเป็นในการนำการเมืองมากำหนดเป็นนโยบายอย่างจริงจัง แม้พรรคจะมีขนาดเล็ก แต่พร้อมขับเคลื่อนแนวคิดใหญ่ สนับสนุนการทำงานเพื่อรับมือกับแรงกดดันจากรัฐบาลพนมเปญ ด้วยความรับผิดชอบและความจริงใจต่อทหารและประชาชน
“ผมอาจไม่มีพื้นที่ในเวทีดีเบต หรือออกสื่อมากนัก แต่เสียงนี้คือเสียงของคนชายแดน และเสียงของคนตัวเล็กตัวน้อย พรรคไทรวมพลังก่อตั้งเมื่อปี 2565 เราอาจเป็นพรรคนาโน แต่จะค่อย ๆ เติบโตอย่างมั่นคง ไม่เร่งขยายแบบก้าวกระโดด” นายวสวรรธน์ กล่าว
นายวสวรรธน์ ยังเปิดเผยว่า พรรคไทรวมพลังส่งผู้สมัคร สส. แบบแบ่งเขต จำนวน 11 เขต และแบบบัญชีรายชื่อ 15 คน โดยเปรียบการเมืองเหมือนนักรบที่ต้องมีทั้งดาบและช่างตีดาบ ขณะที่บัญชีรายชื่อของพรรคไม่ได้เน้นภาพลักษณ์หรูหรา แต่เป็นคนทำงานจริง ถือเครื่องมือ ขับรถแบคโฮ รถขนดิน ลงพื้นที่ช่วยเหลือทหารและประชาชนในแนวหน้า ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ทำงานปิดทองหลังพระอย่างแท้จริง
หัวหน้าพรรคยอมรับว่าพรรคไทรวมพลังเป็นพรรคขนาดเล็ก ท่ามกลางการแข่งขันทางการเมืองที่เข้มข้น จึงขอให้ประชาชนใช้พรรคเป็นอีกหนึ่งทางเลือก พร้อมย้ำว่าอดีต สส. ของพรรคทั้ง 2 คน ยังคงรักษาศักดิ์ศรี และไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง
สำหรับเป้าหมายการเลือกตั้งครั้งนี้ นายวสวรรธน์ ระบุว่า พรรคตั้งเป้าคว้าที่นั่งให้ได้ทุกเขตที่ส่งผู้สมัคร หากประชาชนให้โอกาสพรรคเล็กนอกกระแส พร้อมย้ำว่าการเลือกตั้งครั้งก่อน พรรคส่งผู้สมัครเพียง 2 คน และได้รับเลือกทั้ง 2 คน ส่วนการเข้าร่วมรัฐบาล หากได้รับการเชิญก็ถือเป็นเกียรติ และพร้อมสนับสนุนทุกนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ปกป้องชีวิตคนชายแดน และลดการสูญเสียของทหาร
ส่วนกระแสการจับขั้วทางการเมืองระหว่างพรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชน นายวสวรรธน์ กล่าวว่า ขณะนี้ทุกพรรคต่างวางจุดยืนของตนเองแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานี้คือความสามัคคีของประเทศ เนื่องจากยังมีภัยคุกคามด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งแก้ไขเป็นอันดับแรก
ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี พรรคมีความมั่นใจในตัว ดร.วชิราภรณ์ กาญจนะ อดีต สส.สุราษฎร์ธานี ที่ลงสมัครในเขต 3 โดยย้ำว่าพรรคให้ความสำคัญกับผู้สมัครที่พึ่งพาได้และไม่ทอดทิ้งพื้นที่
รายชื่อผู้สมัคร สส. แบบแบ่งเขต พรรคไทรวมพลัง 11 เขต
จังหวัดอุบลราชธานี
นายณรงค์ชัย วีระกุล เขต 2
นางพิมพกาญจน์ พลสมัคร อดีต สส. เขต 3
นายกิตติกร เชิดชู เขต 6
นายบรรหาร ศรีบุระ เขต 8
นางจิตรวรรณ หวังศุภกิจโกศล (มาดามกบ) เขต 9
นายสมศักดิ์ บุญประชม อดีต สส. เขต 10
จังหวัดสุราษฎร์ธานี
นายศักดิ์วิชญ์ แก้วมีศรี เขต 2
ดร.วชิราภรณ์ กาญจนะ เขต 3
นายนพดล บัวนา เขต 4
นางฌาณิกา เมืองนอน เขต 5
นายนิรัตน์ ลิ้นเกลื่อน เขต 6
ผู้สมัคร สส. แบบบัญชีรายชื่อ 15 คน
1.นายวสวรรธน์ พวงพรศรี
2.นายกิตติกร หุ้นส่วน
3.นายอนุรักษ์ นรษี
4.นายฉลอง วิเชียรแก้ว
5.นายสราวุธ คาน
6.นายเดโช พรหมชิต
7.นายต่วนเซะ มือฆะ
8.นายสิงหา ไกรวงศ์
9.นายชลกฤต สาตราคม
10.นายภูรัชช์ แก้วกันหา
11.นายวรวุฒิ ตั้งประดิษฐ
12.นายวิทูร หาทอง
13.นายสมศักดิ์ พิมพ์พัฒน์
14.นายอรทัย บุตรษาเดช
15.นายอรุณ ทิมา
ด้าน ดร.วชิราภรณ์ เปิดเผยว่า แม้พรรคไทรวมพลังจะเป็นพรรคขนาดเล็ก แต่เป็นบ้านที่อบอุ่น ยืนยันว่าไม่ได้มีความขัดแย้งกับพรรคเดิม เพียงพิจารณาว่าพรรคใดเปิดโอกาสให้ทำงานเพื่อประชาชนได้มากที่สุด จึงตัดสินใจเข้าร่วมกับพรรคไทรวมพลัง พร้อมชื่นชมหัวหน้าพรรคที่ลงพื้นที่ทำงานจริง สวมเสื้อเกราะช่วยเหลือประชาชนตามแนวชายแดน
“อุดมการณ์ของพรรคสอดคล้องกับสุราษฎร์ธานี ทำงานถึงลูกถึงคน เราเห็นตรงกันว่าต้องทำงานเพื่อชาติ บ้านเมือง ประชาชน และธำรงไว้ซึ่งสถาบัน”
ดร.วชิราภรณ์ ยังกล่าวด้วยว่า ได้บอกกับทีมงานเสมอว่า ไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับใคร สิ่งสำคัญคือแข่งขันกับตนเองและทำงานให้ชาวบ้านเห็นผลเป็นรูปธรรม พร้อมยืนยันว่าการทำงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่กังวลกับขนาดของพรรค
Advertisement