Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
สมช. เห็นชอบ 2 มาตรการ ระยะเร่งด่วน-ยาว จัดการโดรน หลังพบว่อนสนามบิน

สมช. เห็นชอบ 2 มาตรการ ระยะเร่งด่วน-ยาว จัดการโดรน หลังพบว่อนสนามบิน

22 ธ.ค. 68
13:47 น.
แชร์

สมช. เห็นชอบ 2 มาตรการ ระยะเร่งด่วน-ระยะยาว จัดการโดรน หลังพบว่อนสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมเร่งหาต้นตอที่มา ไม่ยืนยันมีถึง 40 ลำ

เวลา 11.15 น. (22 ธ.ค. 2568) ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า วันนี้มีการประชุมสภาความมั่นคงแก่งชาติ (สมช.) ซึ่งมีการพิจารณาเรื่องสำคัญ คือ เรื่องของโดรน ที่เข้ามาในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสนามบินหรือจังหวัดชายแดน วันนี้ที่ประชุมสภาความมั่นคงก็มีมติที่สำคัญ 2 ส่วน คือ มาตรการระยะเร่งด่วน กับมาตรการระยะยาว ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยงานความมั่นคงได้ตรวจพบโดรนจำนวนหนึ่งเข้ามาในพื้นที่ และทางสำนักงานการบินพลเรือนได้ออกประกาศกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุม ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค. และมีผลวันที่ 20 ธ.ค. ที่ผ่านมา มีพื้นที่ควบคุมในจังหวัดชายแดนและสนามบินสำคัญทั่วประเทศ ในการป้องกันเรื่องของอากาศยานไร้คนขับที่เข้ามา ซึ่งที่ประชุมรับทราบมาตรการดังกล่าวและมีมาตรการทั้งระยะเร่งด่วน และมาตรการระยะยาว

สำกรับมาตรการเร่งด่วน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ การท่าอากาศยาน สำนักงานการบินพลเรือน กสทช. เหล่าทัพทั้งหลาย ได้สนับสนุนการดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการที่จะดำเนินการกำจัดต่อโดรนกลุ่มเป้าหมายที่เข้ามาในพื้นที่ดังกล่าว ทั้งในเชิงมาตรการการป้องกัน มาตรการการสืบสวนสอบสวน รวมถึงการใช้แอนตี้โดนต่างๆ ก็ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งฝ่ายปกครองได้สนับสนุนตำรวจ ประสานงานกันอย่างใกล้ชิดในส่วนนี้ เพื่อดำเนินการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและประสานงานอย่างสอดคล้องกัน รวมถึงให้กระทรวงกลาโหมผ่อนคลายมาตรการในการอนุญาตให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นการท่าอากาศยาน และหน่วยอื่นๆ สามารถจัดหาแอนตี้โดรนได้ ซึ่งถือเป็นยุทธภัณฑ์ต้องใช้อำนาจของกระทรวงกลาโหมอนุมัติผ่อนคลายเรื่องต่างๆ ต้องเตรียมการเครื่องมือเหล่านั้นไว้ดำเนินการในการป้องกันพื้นที่ ทั้งนี้ให้มีการเข้มงวดในการนำเข้าโดรนและต้องมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งตรวจสอบการลักลอบโดรนเข้าในพื้นที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ชายแดนหรือพื้นที่อื่นๆ อย่างเข้มงวด

นายฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ขออนุญาตสื่อสารกับประชาชนว่าการที่มีการใช้โดรนเข้ามาในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงเช่นนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นประเด็นและความมั่นคงมีโทษร้ายแรง โดยเฉพาะสนามบินโทษถึงขั้นประหารชีวิต จึงอยากสื่อสารให้ทุกฝ่ายได้เข้าใจ อละหากมีการใช้โดรนแล้วส่งผลกระทบต่อพื้นที่และเป็นภัยความมั่นคง ก็มีความผิดตามกฏหมายอาญาด้วย ซึ่งนี่ก็เป็นเรื่องที่ต้องสื่อสารแก่ประชาชนและฝ่ายต่างๆ รับทราบ

ในส่วนของมาตรการระยะยาว โดยมติ สมช. ได้เคยมีมติไว้แล้ว โดยมอบให้กองทัพอากาศเป็นหน่วยงานหลักในการที่จะบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทุกวันนี้มีหลายหน่วยงาน เพื่อให้การทำงานมีเอกภาพ ได้ให้ทางกองทัพอากาศไปดำเนินการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจัดตั้งเป็นโครงสร้างองค์กรขึ้นมาในเบื้องต้นจะใช้ชื่อว่า ศูนย์บริหารจัดการควบคุมต่อต้านอากาศยานไม่มีคนขับแห่งชาติ ในชั้นต้นที่ทางกองทัพอากาศจะดำเนินการจัดตั้งขึ้นมา โดยที่ประชุมมีมติให้เร่งรัดดำเนินการ ซึ่งต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง แต่ก็ได้รับไปดำเนินการแล้ว และต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ที่ทันสมัยไว้ในอนาคต รวมถึงการพัฒนาบุคลากรให้มีความพร้อมในการใช้งานเครื่องมือดังกล่าว ซึ่งมีเรื่องขั้นสูงที่จำเป็นต้องเรียนรู้ล่วงหน้าเพื่อใช้งาน ทั้งนี้ จะให้มีการทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้องในเรื่องของการเพิ่มโทษ กรณีการใช้โดรนและเป็นภัยต่อความมั่นคง

ด้าน พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม สมช.ว่า การปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในเรื่องอากาศยานไร้คนขับ ว่าเป็นการปฏิบัติร่วมภายใต้ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านอากาศยานไร้คนขับของกองทัพอากาศมาตั้งแต่ที่มีมติสภาความมั่นคงแห่งชาติ ประมาณกลางปีมาแล้ว ดังนั้น การปฎิบัติดังกล่าว จะแบ่งพื้นที่ออกเป็น วงใน วงกลาง และวงนอก โดยวงใน เช่น สนามบินสุวรรณภูมิอยู่ในวงใน เป็นหน้าที่ของกองทัพอากาศหรือเอโอที ส่วนวงนอกสุวรรณภูมิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะรับมติที่ประชุมฯแล้วนำไปปฏิบัติ ซึ่งในส่วนนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้กำหนดมาตรการและแผนปฏิบัติหรือยุทธศาสตร์ไว้ในเรื่องการป้องกัน ปราบปราม การสืบสวน สอบสวน และการยกระดับความมั่นคงที่เกี่ยวกับระยะสั้นและระยะยาวไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งในการดำเนินการและการปฎิบัติของเจ้าหน้าที่มีทั้งรูปแบบของนครบาลและนครราชสีมาที่ดูแลสนามบินมาเป็นเป็นต้นแบบ และได้ออกแผนเผชิญเหตุไว้เป็นที่เรียบร้อย ส่วนในวงนอกไปจะเป็นของกองทัพบก ซึ่งมีผลปฏิบัติอย่างชัดเจนต่อเนื่องมา

ส่วนการบูรณาการและการแนะนำ เรามีการปฏิบัติอยู่แล้ว โดยเราเห็นว่า การใช้ความร่วมมือไม่ว่าจะเป็น สำนักงานการบินพลเรือน, กสทช., สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองทัพ ถือเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญในเรื่องด้านการข่าวที่เราจะต้องนำมาประเมิน วิเคราะห์ และวางแผนปฏิบัติงานให้เป็นระบบและเกิดความสำเร็จต่อไป

ส่วนด้านกฎหมาย ผู้ที่มีการใช้โดรนในพื้นที่ห้ามบิน หรือ สนามบิน เป็นการกระทำผิดเกี่ยวกับพระราชบัญญัติ ความผิดบางประการที่กระทบต่ออากาศยานปี 2558 ซึ่งมีโทษประหารชีวิตแต่ถ้ามีการสอบสวนแล้วพบว่าผิดต่อความมั่นคง ก็จะผิดประมวลกฎหมายอาญาในเรื่องของความมั่นคง หมวดสองและหมวดสาม ซึ่งมีโทษสูงสุดจำคุกตลอดชีวิต จึงอยากจะบอกกับผู้ที่มีความความคิด ต้องการป่วนหรือกระทำผิดให้รู้โทษ ซึ่งตำรวจได้กำหนดเป้าหมาย ซิ่งดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 21 เป็นต้นมา และมีการตั้งจุดตรวจให้รู้ว่าเราจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่กระทบต่อความไม่สงบต่อประชาชนอย่างเด็ดขาด ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลที่เราได้รับแจ้งมา ตั้งแต่วันที่ 21 เป็นต้นมา อยู่ระหว่างการดำเนินการด้วยการใช้ขีดความสามารถที่เรามีในการดำเนินการอยู่

เมื่อถามว่าโดรนที่สุวรรณภูมิขณะนี้มีการพิสูจน์ทราบหรือยังว่ามีต้นตอจากไหน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบ

ส่วนจำนวนโดรนที่บอกว่ามีถึง 40 ลำจริงหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า เป็นข้อมูลข่าวสารที่แจ้งเข้ามา ซึ่งการแจ้งอยู่ในแผนเผชิญเหตุนับตั้งแต่เวลาแจ้งจนถึงเจ้าหน้าที่เราไป สถานีตำรวจภูธรสุวรรณภูมิและสถานีตำรวจโดยรอบก็มีการเข้าไปร่วมปฎิบัติกับผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้มีการรับข้อมูลนับจากเวลารับข้อมูลจนการปฏิบัติการเรายังไม่พบ เราเพียงได้รับข้อมูลเท่านั้น ซึ่งเป็นการรับข้อมูลมาเพื่อพิสูจน์ทราบและตรวจสอบโดยกระบวนการและเครื่องมือที่เรามีอยู่ตามความสามารถเรา

เมื่อถามว่าจะหาตัวการได้ง่ายหรือยากอย่างไร พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ขณะนี้เราต้องตั้งสมมติฐานไว้ก่อนเพราะเราได้รับแจ้งมาว่าจำนวนกี่ลำถือเป็นสมมติฐาน ส่วนเรื่องการป่วนหรือวัตถุประสงค์ที่แท้จริงนั้นเราจะต้องใช้วิชาการสืบสวนเพราะในบริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิก็ยังไม่มีกล้อง หรือระบบที่จะทำให้เราสืบสวนและสอบสวนได้ เราจึงจำเป็นต้องใช้การสืบสวนของเราซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ เราตั้งโจทย์และธงไว้ว่าหากเป็นจริงเราจะต้องหาที่มาที่ขึ้น ใครเป็นผู้บังคับควบคุมหรือเจ้าของและปลายทางไปที่ไหน นี่คือธงของเรา แต่เราจะต้องพิสูจน์ทราบให้ได้ว่าข้อมูลเหล่านี้เกิดขึ้นจริงและมีจริง โดยขณะนี้เราสันนิษฐาน ไว้ก่อนว่าเป็นจริงแล้วนำไปสู่การสืบสวนตรวจสอบให้ได้

เมื่อถามย้ำว่าหากจำนวนโดรนมีถึง 40 ลำจริงตามรายงานจะเข้าข่ายการก่อวินาศกรรมหรือไม่เพราะจำนวนเยอะเกินกว่าที่พลเรือนจะมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เป็นข้อมูลที่เราต้องเอามาดูร่วมกับฝ่ายความมั่นคง ซึ่งตนก็ต้องนำข้อมูลเหล่านี้รายงานทางศูนย์ปฏิบัติการกองทัพอากาศ (ศปก.ทอ.) ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค. จนถึงตอนนี้เราก็ปฏิบัติงานร่วมกัน ส่วนจะเข้าข่ายเรื่องการก่อวินาศกรรมหรือไม่ จากข้อมูลที่ได้รับแจ้งมาเป็นการบิน ถ้าข้อมูลนั้นเป็นความจริงคือเป็นการบินในระดับของการเข้ามาแล้วผ่านไป ก็ต้องไปดูพฤติกรรมและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าจะถึงขนาดเป็นการก่อวินาศกรรมหรือไม่ แต่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้งเหล่าทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งสำนักงานการบินพลเรือน เราก็ต้องตั้งสมมุติฐานและกำหนดแผนมาตรการป้องกันไว้ หากบอกว่าอาจเป็นการก่อเหตุที่ไม่พึงประสงค์และเกิดอันตรายต่ออากาศยานและประชาชนเราก็ต้องมีแผนปฏิบัติที่จะรองรับอย่างชัดเจนและเข้มข้นต่อไป

พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ อาจจะมีบางกลุ่ม บางคนที่ผิดปกติจากชาวบ้านโดยตรง จึงอยากประชาสัมพันธ์ว่ากรณีแสงที่เราเห็น หลายคนอาจมองว่าเป็นโดรน แต่การพิสูจน์ทราบมาหลายครั้งมันเป็นแสงจากอากาศยานก็มีและดวงดาวก็มี จึงอยากให้ประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาสามารถแจ้งเหตุได้ตลอดเวลา แต่การพิสูจน์ทราบเบื้องต้นเราสามารถลงแอพพลิเคชั่นไฟลท์เรดาร์ได้ โดยการใช้โทรศัพท์มือถือของเราถ่ายภาพ ก็สามารถแยกแยะได้ในเบื้องต้น แต่หากพบเห็นที่ใดกรุณาแจ้งทันที เพราะจะเป็นข้อมูลสำคัญที่ทำให้เราสามารถรู้ที่ขึ้นกับเส้นทางการใช้โดรนได้ สำหรับในเร็ววันนี้ที่ใกล้ถึงเทศกาลปีใหม่เราได้กำหนดสมมุติฐานและในเรื่องของความปลอดภัย มาตรการที่จะดูแลประชาชน เพราะการจัดกิจกรรมปีใหม่ก็เป็นธรรมเนียมประเพณีกันมาทุกปีในหลายจังหวัด ทั้งกรุงเทพมหานครหลายแห่ง ในสถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา ก็มีหลายที่

ดังนั้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้กำหนดแผนที่เตรียมความพร้อมในการปฎิบัติในช่วงนั้นในเรื่องของการก่อเหตุที่ไม่พึงประสงค์ไว้เป็นที่เรียบร้อย ก็อยากให้ความมั่นใจว่าเราจะทำดีที่สุดและเต็มที่ให้เกิดความปลอดภัย และย้ำว่าผู้ที่ยังฝ่าฝืนในการใช้โดรนก็มีโทษรุนแรงที่เกี่ยวกับเรื่องความผิดเฉพาะ ตามพระราชบัญญัติและกฎหมายอาญา ขณะนี้เราอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สงบในชายแดนในพื้นที่ประเทศไทย ฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ เราดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่ของเรา เราก็คงจะช่วยเหลือและร่วมมือกันเพื่อไม่ให้ผู้หนึ่งผู้ใดมาปั่นป่วนความไม่สงบกับพวกเราได้ อยากให้เข้าใจ ความร่วมมือและขอความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในฐานะที่ตนเป็นผู้บัญชาการสำนักตำรวจแห่งชาติก็จะให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและผู้ปฏิบัติดำเนินการอย่างเต็มความสามารถ เพื่อจะดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนได้ ส่วนในวิธีปฏิบัติก็เป็นของเราที่จะต้องทำความเข้าใจและวางแผนยุทธการของตำรวจเองอีกส่วนหนึ่งด้วย

Advertisement

แชร์
สมช. เห็นชอบ 2 มาตรการ ระยะเร่งด่วน-ยาว จัดการโดรน หลังพบว่อนสนามบิน