
วันนี้ (15 ธันวาคม 2568) เมื่อเวลา 16.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เผยว่า สำหรับประเด็นที่เป็นกระแสข่าวในโซเชียลมีเดียว่า ประเทศไทยกำลังมีการดำเนินการเกี่ยวกับอ่าวไทย หรือน่านน้ำไทยนั้น ซึ่งตนขอยืนยันว่า ทางประเทศไทยไม่สนใจยกระดับสถานการณ์ใดๆ รวมถึงผลกระทบที่อาจจะตามมาจากการยกระดับสถานการณ์ ซึ่งการดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นการปกป้องอธิปไตย คือความมั่นคงและปลอดภัยของพี่น้องประชาชนไม่มีเจตนารมย์ใดๆ ที่จะหยุดระดับความรุนแรง ซึ่งการปฎิบัติการของเราก็เป็นไปตามหลักมนุษยธรรมกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ ตนอยากจะย้ำให้ประชาคมระหว่างประเทศทราบว่า ไทยยึดมั่นหลักและปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 (UNCLOS) ที่ให้ความสำคัญอันดับต้นกับการรักษาเสรีภาพในการเดินเรือและไม่ประสงค์ให้ส่งผลกระทบต่อการ การคมนาคม หรือห่วงโซ่อุปทาน
ถามถึงกรณีมาเลเซียประกาศเลื่อนประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ถกปมพิพาทไทย-กัมพูชา เป็น 22 ธันวาคม นางมาระตี เปิดเผยว่า ที่มีการแถลงการณ์ของมาเลเซียว่าจะมีการประชุม 22 ธันวาคม ตามที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แจ้งตั้งแต่ 2-3 วันก่อน ว่า นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เสนอการประชุมนี้มา
เมื่อถามถึงความพร้อมของไทยที่เข้าร่วมประชุม รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน นางมาระตีระบุว่าไทยพร้อมร่วมประชุม แต่รายละเอียดเป็นเรื่องกำหนดการของ 10-11 ประเทศ ที่จะต้องรวมตัว ซึ่งนอกเหนือจากฝ่ายไทยและเจ้าภาพเอง อาจไม่ได้มีความพร้อมหรือไม่พร้อม ที่จะจัดในวันที่ 16 ธันวาคม (พรุ่งนี้) เพราะค่อนข้างกระชั้นชิดมาก แต่อย่างไรก็ตาม ทางการไทยพร้อมเข้าร่วม และเข้าใจว่าวันที่ 22 ธันวาคม น่าจะได้สำหรับฝ่ายไทย แต่พรุ่งนี้จะมีการประชุมของสภาความั่นคงแห่งชาติ อาจจะมีการพิจารณาตรงนี้ก่อนเข้าร่วมประชุม
ขณะที่พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ เผยว่า จากกรณีที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับเรื่องบล็อคเขต หรือการปิดอ่าวไทย ทางกองทัพเรือขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด รวมถึงกระแสข่าวผู้บริหารระดับสูงของกัมพูชา ที่มีการอ้างว่าไทยปิดกั้นการขนส่งสินค้าทางทะเลไปยังกัมพูชาผ่านอ่าวไทยก็ยืนยันว่า เป็นเฟสนิวส์เช่นเดียวกัน ซึ่งทางกองทัพเคารพในเรื่องของกฎหมายระหว่างประเทศ และเราเข้าใจในเรื่องของประชาคมโลกเป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นเรื่องที่เราดำเนินการก็คือเป็นการตัดกำลังการส่งบำรุง และยุทธปัจจัยที่จะออกจากประเทศไทยไปสู่ประเทศกัมพูชาเท่านั้น
สำหรับพื้นที่จังหวัดตราดที่มีการประกาศเคอร์ฟิวไปก่อนหน้านี้นั้น ทางกองทัพยืนยันว่าปัจจุบันยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการเคอร์ฟิว ซึ่งทางกองทัพก็เข้าใจดีว่า พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากมาตรการดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม ทางกองทัพเรือพยายามที่จะใช้มาตรการดังกล่าวให้สั้นที่สุด
ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ซึ่งยังคงยืนยันว่า ไม่ประสงค์ดีเข้ามาปฏิบัติการพื้นที่ในจังหวัดตราด ซึ่งทางฝ่ายมั่นคงทางทหารได้ร่วมมือกันดำเนินการป้องกันดังกล่าวอยู่
สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการสัญจรหรือเดินทางกลางคืนที่มีเหตุจำเป็น ตนขอยืนยันทางด้านความมั่นคงที่ประจำตามจุดต่างๆพร้อมที่จะให้ความสะดวกแก่ทุกท่าน และก็สามารถติดต่อฝ่ายมั่นคงในพื้นที่ได้เลยกรณีที่ท่านมีเหตุจำเป็นที่จะออกจากนอกเคหสถานในเวลากลางคืน
เมื่อผู้สื่อข่าวได้มีการสอบถามถึงเรื่องจากกรณีที่ข้อมูลโซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ข้อมูลว่า วันนี้มีการพบเรือบรรทุกน้ำมันสินค้าของไทยจำนวน 2 ลำ ทางกองทัพเรือได้รับการรายงานหรือยังว่า ต้นทางไปไหน ปลายทางไปไหน พลเรือตรี ปารัช ยอมรับว่า มีหลายบริษัทที่เป็นบริษัทเดินเรือของไทย และเป็นเจ้าของเรือ โดยใช้ เรือไทยในการลำเลียงน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปในพื้นที่กัมพูชาซึ่งที่ผ่านมากองทัพเรือพยามเจรจาพูดคุยกับทางเจ้าของเรือนั้นๆ ในเรื่องของการขอความร่วมมือที่จะไม่ให้การสนับสนุนในการลำเลียงยุทธปัจจัย เข้าไปในพื้นที่ ซึ่งในเรื่องนี้ก็จะมีการพิจารณาในระดับของสภาความมั่นคงแห่งชาติครั้งหนึ่ง
Advertisement