
วันนี้ (12 ธันวาคม 2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนกรณีที่มีการยุบสภาว่า การยุบสภาในครั้งนี้ถือเป็นการคืนอำนาจให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งในการที่ตนและพรรคภูมิใจไทยมาเป็นรัฐบาลได้ก็ต้องยอมรับว่า “พรรคประชาชน” ให้มาเป็น และในการที่จะพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทางพรรคภูมิใจไทยก็ทำมาโดยตลอดในสัญญาที่มีต่อกันใน MOA ทั้ง 4-5 ข้อ
ขณะที่เมื่อวานนี้ (11 ธ.ค)นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิหัวหน้าพรรคประชาชน ได้แถลงที่รัฐสภาว่า ถ้าพรรคภูมิใจไทยไม่โหวตตามที่พรรคประชาชนต้องการ ทางพรรคประชาชนก็จะไม่ให้การสนับสนุน พรรคภูมิใจไทย และขอให้นายกรัฐมนตรี และพรรคภูมิใจไทยยุบสภา ซึ่งตนมองว่า ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ทางพรรคประชาชนให้ตนมาเป็นนายก แต่ ณ ตอนนี้ ทางพรรคประชาชนไม่สนับสนุนตนแล้ว และขอให้ตนยุบสภา ซึ่งตนก็ทำตามคำขอแล้ว ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามมารยาทขั้นตอนที่มันควรจะเป็น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้มีการพูดคุยกับ “พรรคประชาชน” หรือไม่ นายอนุทิน เผยต่อว่า ก่อนหน้านี้ก็มีการพูดคุยและประสานงานมาโดยตลอด แต่คนที่ประสานงานหลัก คือ “นายภราดร ปริศนานันทกุล” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้มีการยื่นทำทุกอย่างตามขั้นตอนเป็นที่เรียบร้อยแล้วมาจนถึงรัฐธรรมนูญโหวตวาระ 1 - 2 แล้ว แต่ไปติดอยู่ หนึ่งในวาระที่เกี่ยวข้องกับสว. ซึ่งพรรคภูมิใจไทยไม่มีความสามารถที่จะไปกดดัน หรือไปบังคับโน้มน้าวให้สว.เขาลงมติตามที่พรรคประชาชนต้องการได้
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ชนวนเหตุมาจากในเรื่องของการอำนาจสว.1 ใน 3 ถือเป็นการหักหลังในด้านการเมืองหรือไม่ นายอนุทิศ เผยว่า ไม่มีการหักหลังใดๆ MOA ระบุมาอย่างไรก็ตามนั้น โดยไม่มีความเกี่ยวข้องกับสว.เลย มันเป็นเรื่องของพรรคภูมิใจไทยที่จะพยายามอย่างเต็มที่ ไม่เพิ่มส.ส. ไม่พยายามเป็นเสียงข้างมาก และก็ไม่เป็นเสียงข้างมาก ทั้งที่ในบริบททางการเมือง เราสามารถพยายามได้ ถ้าพยายาม แต่ทางเราก็ไม่ทำ พร้อมดำเนินการให้มีประชามติทุกอย่าง
โดยเมื่อวานนี้ (11 ธ.ค) ตนคาดว่า ทางรัฐสภาก็น่าจะมีการโหวตเรื่องประชามติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากส่งมาถึงคณะรัฐมนตรีก็จะมีการเช็คตรวจสอบกับฝ่ายกฎหมาย ซึ่งทางฝ่ายกฎหมายก็แจ้งว่าสามารถที่จะกำหนดวันลงประชามติได้ โดยคณะรัฐมนตรีที่ยังรักษาการอยู่ ตนก็ต้องทำให้ เพราะต้องรักษาตามเงื่อนไข MOA ทุกอย่าง ไม่มีการหักหลังใดๆ ทั้งสิ้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากจะต้องจับมือกับ “พรรคประชาชน” ในอนาคตยังทำได้หรือไม่ ถึงแม้จะเกิดเหตุการณ์เมื่อวานขึ้น นายอนุทิน ตอบว่า ทุกอย่างเป็นไปได้หมด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มีปัจจัยอะไรที่ทำให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจจากเดิมที่จะต้องยุบสภาในเดือนมกราคม 68 มาเป็นเดือนธ.ค.นี้ นายอนุทิน
ตอบว่า ไม่มี ก็ทำตามที่หัวหน้าพรรคประชาชนได้ แถลงขอให้นายกรัฐมนตรียุบสภา
หากถามว่า มีการเตรียมการยุบสภาไว้ล่วงหน้าหรือไม่นั้น นายอนุทิน ยอมรับว่า มีการร่างพรฎ. ยุบสภาไว้ตั้งแต่วันแรกที่ตนได้รับตำแหน่งอยู่แล้ว ก็แค่มาปรับใช้เร็วกว่ากำหนดเท่านั้นเอง เพราะตน ต้องยอมรับสภาพว่าเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย เข้ามา และในส่วนนี้เพียงเพราะต้องการจัดการปัญหาบ้านเมืองที่มันติดขัดค้างคาให้ผ่านพ้นไปได้ ซึ่งตนได้ทำให้ในส่วนนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ในเรื่องของการเจรจาการค้าให้ดำเนินการต่อไปได้ , เรื่องของการ ให้นานาชาติยอมรับ ตนก็สามารถดำเนินการจัดการได้ แต่เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดที่คนนำพาเราเข้ามาในจุดนี้ เขาบอกให้เราทำแค่นี้ เราก็ทำแค่นี้ แล้วก็คืนอำนาจให้กับพี่น้องประชาชน
Advertisement