
เมื่อเวลาประมาณ 23.15 น. (11 ธ.ค. 2568) ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ แถลงภายหลังจบการประชุมรัฐสภา สมัยวิสามัญ ในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดย นายณัฐพงษ์ พร้อมด้วยแกนนำ แถลงด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า ผลประชุมร่วมของรัฐสภา น่าเสียดายการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ วาระที่ 2 ในส่วนของมาตรา 256/28 ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของเสียง สว. 1 ใน 3 เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ถูกส่งกลับมาพิจารณาในรัฐสภาหรือไม่ ตาม กมธ.เสียงข้างมาก ได้ใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา คือไม่มีเสียง 1 ใน 3 ของ สว.แต่น่าเสียดายที่เสียงในสภาฯ กลับไปเห็นชอบกับ กมธ.เสียงข้างน้อย หรือผู้สงวนความเห็นไว้ จุดยืน ปชน.ก่อนลงมติ ตนได้สื่อสารไปยังพรรคภูมิใจไทยโดยตรงว่า ถ้าร่างแบบนี้ ผ่านสภาฯออกไป เราคงไม่สามารถยอมรับได้ให้เข้าสู่วาระ 3
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เห็นได้จากหน้าข่าวว่านายกฯได้โพสต์ในเพจว่า ต้องการคืนอำนาจให้ประชาชน ค่อนข้างแน่ชัดว่านายกฯตัดสินใจยุบสภาฯ และน่าจะมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ปชน.พยายามประคับประคองเดินหน้ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อย่างเต็มที่ที่สุด วันนี้เห็นว่าผลการลงมติครั้งแรกออกมา ต่างกันไม่เกิน 30 เสียง เราพยายามทำทุกทางผลักดันให้สำเร็จมากที่สุด แต่การโหวตซ้ำที่ใช้วิธีการขานชื่อ ผลลัพธ์ไม่ต่างจากเดิมมากนัก ทำให้มาตรา 256/28 ไม่เป็นไปตามที่ ปชน.ต้องการยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด
อย่างไรก็ตามหลังการพิจารณาวาระที่ 2 ผ่านไป ยังเหลือ 1 ภารกิจผลักดันเต็มที่การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ คือการเสนอญัตติที่ประชุมร่วมรัฐสภา ผ่านญัตติการจัดทำประชามติการจัดทำคำถามที่ 1 พร้อมการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า ผลลัพธ์ซักครู่นี้ ผ่านญัตตินี้เรียบร้อยแล้ว ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในตอนนี้ อยากที่จะส่งคำเรียกร้องไปยังรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย ภารกิจสุดท้ายที่ท่านพอจะทำได้ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า ท่านยังเหลือความจริงใจอยู่บ้าง ในการเดินตามกรอบ MOA การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ คือ ครม.รักษาการหรือไม่ก็ตาม ต้องมีมติที่จะจัดทำประชามติตามญัตติรัฐสภา เปิดทางให้มีการจัดทำประชามติคำถามแรก พร้อมการเลือกตั้งครั้งหน้า
"หากมีการยุบสภาฯพรุ่งนี้จริง วันเลือกตั้งครั้งถัดไปอาจเป็น 8 ก.พ. ในปีหน้า นี่เป็นสิ่งวันนี้เราทำหน้าที่เต็มที่ ในฐานะฝ่ายค้านเสียงข้างมาก พยายามประคับประคองผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นจริงมากที่สุด" นายณัฐพงษ์ กล่าว
เมื่อถามว่า นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เดินมาคุยอะไร หลังท้าให้นายกฯยุบสภา นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในสถานการณ์หน้างาน พยายามพูดคุยตลอด เนื้อหาสาระไม่ได้ต่างจากที่ตนได้ลุกขึ้นอภิปราย ตอนที่จะมีการโหวต เราเข้าใจดีว่า เหตุผลที่ภูมิใจไทย ให้เหตุผลว่า ถ้าให้ผ่านวาระที่ 3 ได้ ตัวเขาเองเชื่อว่าต้องคงเรื่องอำนาจ สว. 1 ใน 3 ไว้ คือทาง สว.ต้องการให้คงไว้
นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า พวกเราเองมองในมุมหนึ่ง ถ้าบอกว่าอยากผลักดันให้เกิดขึ้นจริง สิ่งหนึ่งเขาเองก็ทราบจุดยืน ปชน.ตลอด จุดยืนตามที่เราผลักดันร่วมกันตาม กมธ.ข้างมาก คือเราไม่อาจยอมรับ สว. 1 ใน 3 ในการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ได้ หากเขาต้องการผลักดันรัฐธรรมนูญใหม่จริง อย่างน้อยๆ การลงมติวันนี้ ภูมิใจไทยควรลงตาม กมธ.ข้างมาก ให้ผ่านวาระ 2 ไปก่อน มีเวลา 15 วัน พวกเราจะทำความเข้าใจกับ สว.ที่เหลือ กลับกันเขารู้จุดยืนเรา ถ้าออกมาตาม กมธ.ข้างน้อย ก็รู้อยู่ว่าอย่างไรก็ตาม ปชน.ไม่อาจยอมรับร่างรัฐธรรมนูญนี้ได้จริงๆ นี่คือสิ่งที่อยากให้ทางประชาชนทุกคน ร่วมกันในการติดตาม และดูการทำหน้าที่ว่า ส่วนหนึ่งที่เราเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ MOA ที่ถูกฉีกลง เกิดจากใครกันแน่
เมื่อถามว่า เป็นการถูกหักหลังหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เชื่อว่าสิ่งที่พวกเราพยายามทำ เราทำทุกอย่างเต็มที่ ภายใต้กรอบจำกัดเงื่อนไขทางการเมืองที่เป็นอยู่ ย้อนไปเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ทุกพรรคเสนอทำรัฐธรรมนูญใหม่ แต่กระบวนการส่วนนี้ไม่ได้เดินหน้า กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ดูเป็นจริงมากที่สุด ภายหลังเราทำ MOA กับภูมิใจไทย ทุกจังหวะย่างก้าวในทางการเมือง เราได้พยายามทุกเสียงที่เรามีในการทำให้กระบวนการทำรัฐธรรมนูญใหม่ เป็นจริงมากที่สุด คือคงสภาพรัฐบาลข้างน้อย
"เชื่อว่าทุกคนเห็นว่า 2 เดือนที่ผ่านมา การทำหน้าที่ กมธ.ต่าง ๆ ผลักดันเต็มที่ ตอนเราได้ประธาน กมธ. ร่างหลักออกมาพอรับได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ จริงๆ ตามที่ได้พูดคุยกับสมาชิกบางส่วน และในส่วนภูมิใจไทย บางคนอาจยังเรียกว่า ผิดหวัง ไม่อยากให้กระบวนการออกมาเป็นอย่างนี้เช่นเดียวกัน คิดว่าการที่มีการกลับมติ จริงๆ ก่อนหน้านี้มีมติวิปรัฐบาลออกมาแล้วด้วย แต่มีการกลับกันหน้างานแบบนี้ เป็นสิ่งที่พวกเราเองพยายามใช้เสียงฝ่ายค้านเท่าที่มี ในการประคับประคองจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่" นายณัฐพงษ์ กล่าว
เมื่อถามว่าเหตุการณ์หลังจากนี้ไว้ใจภูมิใจไทยได้อีกหรือไม่ หัวหน้าพรรค ปชน. กล่าวว่า ไว้ใจหรือไม่ ต้องดูเงื่อนไข MOA วันนี้ชัดเจนภูมิใจไทยเป็นคนไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ที่เราได้พูดคุยกัน โดยเฉพาะการทำหน้าที่ผ่านชั้น กมธ. และมติวิปรัฐบาลให้โหวตตาม กมธ.ข้างมาก แต่ไม่ปฏิบัติตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ เรียกว่าเกิดขึ้นหน้างาน เราต้องใช้เสียงฝ่ายค้านทำหน้าที่เต็มที่ ผลักดันให้เดินหน้า อย่างน้อยวันนี้คำถามประชามติครั้งที่ 1 ยังผ่านที่ประชุมร่วมกันในรัฐสภาได้ ครม.ควรต้องมีมติให้จัดทำประชามติพร้อมการเลือกตั้งครั้งหน้า
ถามย้ำว่า การทำประชามติ จะเป็นฟางเส้นสุดท้ายหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เราไม่ได้เซ็น MOA เรื่องเชื่อใจทางการเมืองอยู่แล้ว เราเปิดเผยข้อตกลงผ่านสาธารณะ เราเชื่อว่าข้อผูกมัดจริงๆ คือสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ในการเข้าคูหาเลือกตั้งต่อไป ประชาชนตัดสินทุกพรรค ทุกการเดินทางที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน การทำหน้าที่ในสภาฯ มีการคุยตลอด แต่เราไม่ได้ตัดสินใจทุกอย่าง บนเงื่อนไขที่ใช้ความเชื่อใจอย่างเดียวในทางการเมือง เราตัดสินใจบนโต๊ะ ตาม MOA
ซักอีกว่าฝ่ายใดฉีก MOA กันแน่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า อยากให้ย้อนกลับไปว่า มติวิปรัฐบาลยืนกรานตาม กมธ.ข้างมาก แต่สิ่งเกิดขึ้นวันนี้อาจต้องกลับไปถามภูมิใจไทยเช่นเดียวกัน เกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่เป็นไปตามมติวิปรัฐบาล
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่า นายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ให้เหตุผลว่า ภูมิใจไทย ไม่สามารถสั่ง สว.ได้ว่าให้โหวตทิศทางใด หัวหน้าพรรค ปชน. กล่าวว่า ทุกคนต้องลองดูตามข้อมูลข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา การผ่านวาระที่ 1 มาได้ ได้รับเสียงสนับสนุน สว. 1 ใน 3 ในมุมหนึ่งต้องดูว่า ภูมิใจไทยมีพลังโน้มน้าว สว.มากน้อยขนาดไหน ถ้าใช้เหตุผลไม่สามารถโน้มน้าวได้ ต้องโหวตตาม สว. ในมุมหนึ่งเชื่อว่า วันนี้อย่างน้อยๆ โหวตตาม กมธ.เสียงข้างมาก แล้วผ่านวาระ 2 ไปได้ก่อน ยังเหลืออีก 15 วัน ในการทำความเข้าใจกับ สว.ได้มากขึ้น น่าจะเป็นโอกาสดีกว่าที่ผลักดันได้สำเร็จ
Advertisement