
วันที่ 25 พ.ย. 68 นาย สุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงมหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในภาคใต้ขณะนี้ ซึ่งประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักว่า สถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ขณะนี้ถือว่าหนักมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ประชาชนได้รับความเดือดร้อนมากมาย โดยส่วนตัวตนขอส่งกำลังใจให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ จ.ภาคใต้ทุกคน ทุกจังหวัด ซึ่งในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ
โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค มีความเป็นห่วงผู้ประสบภัยอย่างมาก และได้กำชับสมาชิกให้ลงพื้นที่ไปช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมอย่างเต็มที่ และดูแลอย่างใกล้ชิด พยายามเข้าไปให้ถึงจุดที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนทุกจุด
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้สั่งให้ตั้งศูนย์โรงครัวที่ จ. นครศรีธรรมราช เพื่อทำอาหารพร้อมทานแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัย และยังได้ตั้งศูนย์ประสานงานของพรรคเพื่อรับเรื่องร้องทุกข์ต่างๆจากประชาชนด้วย หากประชาชนผู้ประสบภัยหรือญาติผู้ประสบภัยต้องการความช่วยเหลืออะไร สามารถประสานไปที่ศูนย์ประสานงานของพรรคได้ตลอด
นายสุรเดช กล่าวว่า ตนขอตั้งข้อสังเกตถึงการบริหารจัดการน้ำในครั้งนี้ ที่ดูเหมือนไม่มีการเตรียมการหรือวางแผนเพื่อป้องกันเหตุจากภัยธรรมชาตินี้เลย ทั้งๆ ที่เคยเกิดขึ้นในภาคเหนือ ไล่ลงมาถึงภาคกลางและสุดท้ายในภาคใต้ เรามีประสบการณ์ให้เห็นมาแล้ว แต่กลับไม่มีการเตรียมพร้อมรับมือจนทำให้เกิดเสียหายอย่างมากมายในทุกจังหวัดของภาคใต้ ดังนั้นจึงอยากเสนอแนะให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัดที่ประสบปัญหาน้ำท่วม ตื่นตัวในการเข้าไปช่วยเหลือประชาชนอย่างแข็งขัน ควรเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทุกจังหวัดเพื่อวางแนวทางในการช่วยเหลือและอพยพประชาชนโดยเร็วที่สุดเพราะเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ประชาชนไม่สามารถเก็บของขึ้นที่สูงหรืออพยพออกจากบ้านได้ทัน
นายสุรเดช กล่าวด้วยว่า ความจริงการบริหารจัดการน้ำ มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงมหาดไทย ที่กำกับดูแลกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่กำกับดูแลกรมชลประทาน ดูแลเกี่ยวกับการระบายน้ำ เมื่อมีปัญหาน้ำมาก ก็ต้องเรียนรู้วิธีการที่จะเกลี่ยน้ำ โดยต้องดูว่าพื้นที่ไหนที่น้ำท่วมยาก ก็เกลี่ยน้ำจากพื้นที่ที่มีน้ำมากไปยังจุดที่น้ำท่วมยากได้ และยังมีสำนักนายกรัฐมนตรีที่ดูแลกรมทรัพยากรน้ำ รวมถึงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ที่กำกับดูแลกรมอุตุนิยมวิทยา ที่จะต้องคอยแจ้งเตือนประชาชน ก่อนมีภัยธรรมชาติเกิดขึ้น เพราะเราไม่รู้ว่าภัยธรรมชาติจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ดังนั้นทั้งหมดต้องทำงานแบบบูรณาการร่วมกันทั้งประเทศ
นายสุรเดช กล่าวว่า ครั้งนี้ต้องบอกว่าการบริหารจัดการน้ำผิดพลาดมาตั้งแต่ต้น จะเห็นได้ว่าทางจังหวัดไม่มีการเตรียมการหรือเตรียมมาตรการรองรับอะไรเลย ขนาดเรือ หรือแม้แต่เรือยาง ที่จะขนย้ายประชาชนผู้ประสบภัยอพยพไปในศูนย์พักพิงยังมีไม่เพียงพอ การให้ความช่วยเหลือไม่ทั่วถึง ซึ่งไม่ควรปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้เพราะหน่วยงานหลักของรัฐบาลจะต้องมีอุปกรณ์พร้อมสำหรับเรื่องนี้อยู่แล้ว การแจ้งเตือนต้องรวดเร็ว และปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีมากมายก็น่าจะแจ้งเตือนได้ทันท่วงที โดยเฉพาะสามารถจะประสานงานกับหน่วยงานต่างประเทศคือ องค์การบริหารมหาสมุทร และชั้นบรรยากาศแห่งชาติ หรือ NOAA ซึ่งเป็นศูนย์เตือนภัยพิบัติ ตั้งอยู่ที่เกาะฮาวายสหรัฐอเมริกา ที่จะมีการแจ้งเตือนไปทั่วโลก หากประสานได้ ก็น่าจะเป็นประโยชน์มาก
เมื่อถามว่าศูนย์เตือนภัยในบ้านเราก็มีเช่นกันแต่อาจจะมีปัญหา ขัดข้องบ้าง แจ้งเตือนบ้าง ไม่แจ้งเตือนบ้าง นายสุรเดช กล่าวว่า เมื่อเกิดปัญหาเช่นนี้แล้วจะโทษใคร ก็ต้องโทษเจ้าหน้าที่รัฐที่ปล่อยปละละเลย ตนอยากให้ย้อนดูในสมัยพลเอกประวิตร ในช่วงที่เป็นรองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งกำกับดูแลกรมทรัพยากรน้ำ ซึ่งดูแลการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ ทั้งน้ำท่วม น้ำแล้ง มา 8 ปี ไม่เคยมีปัญหาเรื่องนี้เลย ตนถึงได้บอกว่าพรรคพลังประชารัฐซึ่งขณะนี้ก็ร่วมรัฐบาลอยู่ ทำไมไม่คิดที่จะไปขอความรู้จากพลเอกประวิตรซึ่งท่านมีความรู้และ ประสบการณ์มากในเรื่องนี้ ซึ่งพลเอกประวิตร เองเคยพูดกับสมาชิกพรรคว่า เรื่องของน้ำต้องให้กรมทรัพยากรน้ำเป็นหลักในการประสานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเอาข้อมูลมาประมวล หาแนวทางแก้ปัญหาแบบบูรณาการโดยเฉพาะการเกลี่ยน้ำหรือถ่ายน้ำออกจากเขื่อน
นายสุรเดช กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาเกิดขึ้นแล้ว เราต้องเร่งลงไปในพื้นที่สำรวจดูว่าประชาชนที่เดือดร้อนอยู่ในจุดไหนบ้างเพื่อที่จะเร่งช่วยเหลือ อพยพและเยียวยา นอกจากนี้ต้องอาศัยกำลังทหารที่จะเข้าไปช่วยดูแลประชาชนด้วยเพราะกองทัพจะมีอุปกรณ์พร้อมอยู่แล้วทั้งรถบรรทุกใหญ่ เฮลิคอปเตอร์เครื่องไม้ เครื่องมือต่างๆ ที่สำคัญต้องเร่งช่วยเหลือประชาชนให้ทันท่วงที ผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ที่เกิดปัญหาน้ำท่วม ต้องทำงานอย่างเข้มข้น นายกในฐานะที่เป็นรมว.มหาดไทยด้วยต้องเรียกหน่วยงานทุกหน่วยมาร่วมหารือเพื่อที่จะวางแนวทางให้ชัดเจนเป็นขั้นเป็นตอน และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้ได้โดยเร็วที่สุดa
Advertisement