
เมื่อเวลา 14.00 น. (24 พ.ย. 2568) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ และหัวหน้าพรรค แถลงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรค พท. ว่า การแก้ปัญหารัฐธรรมนูญของพรรค พท. เกี่ยวโยงกับการเสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ 151 ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของ สส.ในการตรวจสอบ ทั้งนี้ พรรค พท. ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน เราได้ติดตามการทำงานของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะประเด็นที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติและประชาชน
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม สัญญาณที่ออกมาจากรัฐบาลและฟากฝั่งการเมืองค่อนข้างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่าภายในวันที่ 12 ธ.ค. นี้ น่าจะมีสัญญาณของการอาจจะยุบสภา ซึ่งเป็นการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี รวมถึงมีสัญญาณว่าวันที่ 9 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็มีสัญญาว่าจะนำเรื่องที่ความเร่งด่วนเข้าสู่การพิจารณาของครม. เป็นการด่วน ซึ่งสองจุดนี้เป็นสัญญาณที่ส่งมาอย่างชัดเจนจากรัฐบาลโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า หากมีการยุบสภาหรือไม่ อย่างไรนั้น ก็เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ท่านสามารถตัดสินใจได้ แต่กระบวนการในการพิจารณาของชั้น ครม. ควรจะมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ และรับฟังความเห็นอย่างรอบด้านจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ควรที่จะมีความเร่งรัดเพื่อเอาโครงการ เอางานของราชการเข้าสู่การพิจารณาของครม. เป็นการเร่งด่วน เพราะอาจจะมองได้ว่าเป็นการทิ้งทวน ย้ำว่าพวกตนติดตามอย่างใกล้ชิด หากมีแนวโน้มที่อาจจะมีโครงการที่สุ่มเสี่ยงต่อการทุจริตคอร์รัปชั่นนั้น เราติดตามอย่างจริงจัง
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นอำนาจของ สส. ซึ่งเราไม่เห็นด้วยอยู่แล้วกับการที่นายกรัฐมนตรีคิดจะยุบสภาเพื่อหนีการอภิปราย เพราะการตรวจสอบเป็นสิ่งที่นักการเมือง ซึ่งมาตามระบอบประชาธิปไตยอย่างพวกเราควรตอบรับและตอบคำถามที่เป็นคลาแคลงใจ หากสุดท้ายท่านตัดสินใจที่จะยุบสภา สิ่งที่พรรค พท.อยากเรียกร้องไปยังรัฐบาลและนายอนุทิน คือหลักประกันในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากท่านตัดสินใจที่จะยุบสภาโดยไม่สนใจสิ่งที่มีการตกลงกับพรรคประชาชในเอ็มโอเอว่าจะเดินหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็อยากให้ ครม.มีมติส่งคำถามที่ 1 ไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
นายจุลพันธ์ กล่าวด้วยว่า ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญระบุว่าสามารถเดินหน้าคำถามที่ 1 และคำถามที่ 2 ได้ แต่เมื่อคำถามที่ 2 ยังไม่พร้อมอย่างน้อยคำถามที่ 1 ที่จะถามประชาชนในวันเลือกตั้งว่าเห็นควรที่จะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ซึ่งถือเป็นคำถามที่สำคัญ หากประชาชนเห็นด้วยที่มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งจะเป็นข้อผูกมัดและผูกพันกับรัฐบาลใดๆ ไม่ว่าใครก็ตามที่จะมาเป็นรัฐบาล
"การที่จะต้องขับเคลื่อนตามเสียงของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นสิ่งที่เราอยากเรียกร้องไปกับรัฐบาลให้ท่านเร่งทำเพื่อแสดงความจริงใจ อย่าให้เป็นดังคำปรามาส ขอให้แสดงความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าท่านมีความตั้งใจจริงๆ อย่างน้อยต้องมีคำถามที่ 1 เข้าไป" นายจุลพันธ์ กล่าว
Advertisement