
จากกรณี ตรวจสอบกันไปมา ระหว่าง สส.ไผ่ ลิกค์ เลขาธิการพรรคกล้าธรรม และสส.ไอซ์ รักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคประชาชน นั้น
ล่าสุด นายไผ่ ลิกค์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดกำแพงเพชร โพสต์เฟซบุ๊กชี้ แจงประวัติของปู่ย่าตายายว่า ปกติพยายามอยู่แบบโลโปรไฟล์มากที่สุด เพราะตนมีคุณปู่คุณย่าชื่อคุณปู่วิลเลียม ลิกค์ คุณย่าบุญรอด ล่ำซำ ที่บ้านทำธุรกิจหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านจัดสรร 9 โครงการใหญ่ ๆ โรงโม่หิน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อพาร์ตเมนต์ สถานบันเทิง ตลาดและอื่น ๆ อีกมากมาย
แต่ตนยุติบทบาทเรื่องการทำธุรกิจทั้งหมดเพื่อมาเป็น สส. รับใช้พ่อแม่พี่น้องชาวกำแพงเพชร ตามรอยของคุณพ่อ จึงไม่มีความจำเป็นต้องมากอบโกยอะไรในนี้ และไม่คิดที่ว่าจะทำงานให้รวยขึ้นจากการเป็นนักการเมือง “เข้าใจคนที่ตั้งคำถามผมนะว่าคุณคิดอะไรอยู่ ผมไม่ได้คิดแบบพวกคุณแน่นอนที่จะเข้าทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่ทำเพื่อประชาชน”
จากนั้น สส.ไผ่ ได้ ออกแถลงการณ์ ว่า เรื่อง :การชี้แจงข้อกล่าวหาและข้อเรียกร้องการตรวจสอบเส้นทางเงินบริจาคของ ส.ส. รักชนก ศรีนอก
1. ประเด็นที่สังคมต้องได้รับคำตอบตามข้อกฎหมายผมขอยืนยันอีกครั้งว่าประเด็นที่ผมตั้งคำถามตั้งแต่ต้นมีเพียงข้อเดียว คือที่มาของเงินบริจาคจำนวน 200,000 บาทของ ส.ส. รักชนก ศรีนอก
มีเส้นทางเงินตามกฎหมายหรือไม่การบริจาคเงินให้พรรคการเมืองอยู่ภายใต้
• พ.ร.ป.พรรคการเมือง
• พ.ร.ป.ป.ป.ช.
• และข้อกำหนดของ กกต.
ซึ่งกำหนดชัดเจนว่าเงินบริจาคต้องตรวจสอบได้ และต้องมีแหล่งที่มาชัดเจนซึ่งจนถึงขณะนี้ ผู้ถูกตั้งคำถาม ยังไม่แสดงเอกสารทางการเงินแม้แต่ชิ้นเดียว
มีเพียงคำอธิบายเชิงวาทกรรม เช่น “เงินเดือนพอทำได้” หรือ “พรรคไม่มีทุนใหญ่”ซึ่ง ไม่ใช่คำชี้แจงที่เพียงพอต่อการตรวจสอบตามกฎหมายและไม่อาจแทนที่ “หลักฐานเส้นทางการเงิน” ได้
ผมจึงขอย้ำว่าคำถามนี้เป็นคำถามเชิงกฎหมาย ไม่ใช่ความขัดแย้งส่วนตัวและสังคมสมควรได้รับคำตอบตามหลักฐาน ไม่ใช่ตามอารมณ์
2. ความพยายามเบี่ยงประเด็นของ ส.ส. รักชนก เพื่อหลีกเลี่ยง
การตรวจสอบ
แทนที่จะชี้แจงเส้นทางเงินบริจาคตามกฎหมาย
กลับมีการนำคดีอื่นซึ่งไม่เกี่ยวข้องมาใช้เพื่อสร้างความคลุมเครือ ได้แก่
• คดีรถหรูที่ผมไม่ได้เกี่ยวข้องและศาลยกฟ้องบุคคลที่ถูกกล่าวถึงแล้ว
• ประเด็นส่วนตัวเมื่อหลายสิบปีก่อน
• การตั้งข้อสงสัยเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรี
• และการโจมตีด้วยถ้อยคำทางการเมืองเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของผม
ผมขอระบุอย่างชัดเจนว่า
การนำคดีที่ศาลยกฟ้อง หรือคดีที่ไม่ได้เกี่ยวกับเงินบริจาคมาใช้โจมตี
ไม่ใช่การตอบคำถามตามข้อเท็จจริง และเป็นการเบี่ยงประเด็นที่ตั้งใจหลีก
เลี่ยงการตรวจสอบ
3. กรณีคดีทำร้ายร่างกายเมื่อปี 2548 ถูกนำมาใช้บิดเบือนข้อกฎหมาย
ผมถูกกล่าวหาว่า “ขาดคุณสมบัติรัฐมนตรี” จากคดีดังกล่าว
ซึ่งเป็น ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนทางกฎหมาย
หน่วยงานรัฐที่มีอำนาจตีความ ได้แก่
• สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
• คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ)
• ศาลรัฐธรรมนูญ
ทั้งหมดได้วินิจฉัยตรงกันอย่างชัดเจนว่า
กรณีดังกล่าว
“ไม่เข้าลักษณะต้องห้าม”
ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160
และเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีในการพิจารณาเสนอชื่อรัฐมนตรี
การนำประเด็นนี้มากล่าวอ้าง
จึงเป็นการ บิดเบือนข้อกฎหมาย และเป็นการโจมตีเพื่อหวังผลทางการเมือง
เท่านั้น
4. ประเด็นหนี้ 550,000 บาท ผมพร้อมให้ตรวจสอบเต็มรูปแบบ
สำหรับประเด็นเรื่องหนี้ตามคำพิพากษา 550,000 บาทนั้น
ผมขอยืนยันว่า
ผมพร้อมให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินที่ผมยื่นไว้ในทุกวาระ
ไม่ว่าจะเป็น
• หนี้สิน
• รายการทรัพย์สิน
• หรือเอกสารประกอบทั้งหมด
ผมไม่มีเหตุผลใดในการปกปิด และพร้อมพิสูจน์ด้วยเอกสารตามกฎหมาย
ตรงกันข้าม
ผู้ถูกตั้งคำถามกลับไม่ยอมเปิดเผยสเตทเมนต์หรือเส้นทางเงินจำนวน
200,000 บาทตามที่ควรทำ
5. ข้อเรียกร้องตามหลักนิติธรรม ส.ส.รักชนก ต้องเปิดเอกสาร
ให้สังคมตรวจสอบ
เพื่อให้เรื่องนี้ยุติด้วยข้อกฎหมายและหลักฐาน
ผมจึงเรียกร้องอย่างเป็นทางการให้
ส.ส. รักชนก ศรีนอก เปิดเผยเส้นทางเงินบริจาคจำนวน 200,000 บาท
พร้อมสเตทเมนต์บัญชีที่เกี่ยวข้องต่อสาธารณะ
นี่คือวิธีที่โปร่งใสที่สุด
และเป็นการให้เกียรติต่อสถาบันรัฐสภาและประชาชนผู้เสียภาษี
การเมืองที่ดีต้องยืนอยู่บนมาตรฐานเดียวกัน
ไม่ใช่ใช้วาทกรรมหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ
6. ข้อสรุปและจุดยืน
ผมขอยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ดังนี้
• ผมพร้อมให้ตรวจสอบทุกประเด็นตามกฎหมาย
• ผมไม่หลบ ไม่เลี่ยง ไม่บิดเบือน
• ผมยืนยันให้ทุกฝ่ายอยู่ใต้กติกาเดียวกัน
ขณะเดียวกัน ผมขอเรียกร้องให้ผู้ถูกตั้งคำถามหยุดเบี่ยงประเด็น และเปิดเส้นทางเงินบริจาคต่อสังคมประชาชนสมควรได้รับข้อเท็จจริง มากกว่าการสร้างภาพทางการเมือง
ทุกคนอยากเห็นเอกสาร หลักฐานต่างๆ มากกว่า วาทกรรม และ ความโปร่งใส ต้องไม่ใช่ความพยายามเบี่ยงเบนประเด็นเพื่อปกปิดความผิดของตัวเอง
นี่คือจุดยืนของผมไผ่ ลิกค์
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
จังหวัดกำแพงเพชร
Advertisement