
อ.ทรงฤทธิ์ โพนเงิน นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง เปิดเผยถึงกรณีการเสริมกำลังของกัมพูชา บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควายว่า สถานการณ์ที่ฝั่งกัมพูชา มีการเสริมกำลังบริเวณปราสาทตาควาย เป็นเรื่องจริง
ที่ผ่านมากัมพูชาตรวจสอบการเคลื่อนไหวจากฝั่งไทยมาตลอด โดยเฉพาะเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิดและพยายามตรวจสอบว่าไทยรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่กัมพูชาหรือไม่ โดยกัมพูชาต้องการยั่วยุ เพื่อให้เกิดสถานการณ์ความรุนแรงขึ้น
เชื่อว่าบางจุดที่มีการเก็บกู้ทุ่นระเบิด กัมพูชามีการแอบติดตั้งกล้องไว้ หากพบไทยมีการลุกลามเข้าไปก็อาจจะนำเรื่อง ไปฟ้องนานาชาติอย่างที่ผ่านมา จึงอยากให้ทหารที่ปฏิบัติงานอยู่ชายแดน ควรเฝ้าระวังไว้
ส่วนสถานการณ์จะนำไปสู่การปะทะรอบ 2 หรือไม่ อ.ทรงฤทธิ์ ระบุว่าอยู่ที่ฝั่งไทยว่าจะใช้วิธีการแบบไหน แต่แนะนำว่าอันไหนที่เสี่ยงเกินไป ที่กัมพูชาจะนำไปอ้างกับนานาชาติ ควรหลีกเลี่ยง
ส่วนกรณีที่ ฮุน เซน มีการออกมาแถลง ประกาศท้าทาย เรื่องการปิดด่าน ให้ปิดไปเลย 100 ปี ส่วนตัวมองว่า ที่ผ่านมาหลังประชุมช่วงเหตุปะทะสิ่งแรกที่ ฮุน เซน เคยออกมาพูดคือเรื่องเปิดด่าน แต่ต่อมาไม่ได้รับการตอบสนองจากฝั่งไทย ทำให้ ฮุน เซน พยายามออกมาพูด ต่อว่าประเทศไทย เพราะรู้สึกว่าตัวเองเสียหน้า จึงมีการท้าทายให้ปิดด่านไปเลย โดยกัมพูชา เป็นประเทศที่ ฮุนเซน ใช้อำนาจ เผด็จการแบบเพียงผู้เดียว ทุกการตัดสินใจอยู่ที่ ฮุนเซน คนเดียว โดยลักษณะนิสัยส่วนตัวของ ฮุนเซน เป็นคนคุยโว โอ้อวด
ส่วนเรื่องกรณีการปักหมุดในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว จะสามารถคืนพื้นที่ให้กับชาวบ้านบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้วได้หรือไม่ อ.ทรงฤทธิ์ ให้ความเห็นว่า อย่าไปคาดหวังกับฝั่งกัมพูชามากนัก ที่กัมพูชาจะทำตามข้อตกลง เพราะคณะทำงานของฝั่งกัมพูชาที่มาประชุมวันนี้ สุดท้ายแล้วก็ต้องนำข้อมูลกลับไปถาม ฮุนเซน แต่หากมองในแง่ดี ถือว่ายังมีเรื่องอะไร ที่ยังสามารถพอคุยกันได้และกัมพูชายอมให้ความร่วมมือมาประชุม แต่เราต้องเดินหน้าทำต่อ ในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดและปราบปรามสแกมเมอร์
Advertisement